แอ่ว‘แพร่-น่าน’ เที่ยวได้ทั้งปี
แอ่ว‘แพร่-น่าน’ – “แพร่” และ “น่าน” สองจังหวัดภาคเหนืออยู่ติดกัน มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย จึงเหมาะแก่การท่องเที่ยวได้ทั้งปี ออกสตาร์ตที่ “เมืองลอง” หรือ อ.ลอง จ.แพร่
มีสถานีรถไฟบ้านปิน สร้างมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นสถานีรถไฟแห่งเดียวของไทย สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาวาเรียนทิมเบอร์เฟรมเฮาส์ หรือแบบโครงไม้ เป็นแบบที่ได้รับความนิยมในแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ผสมด้วยเรือนปั้นหยา สะท้อนยุคชาติตะวันตกล่าอาณานิคม ตัวสถานีเป็นสีเหลืองอมส้ม และมีมุมถ่ายภาพให้ถ่ายภาพจำนวนมาก
ใกล้ๆ กันเป็น “พิพิธภัณฑ์โกมลผ้าโบราณ” ริเริ่มโดย นายโกมล พานิชพันธ์ นักสะสมผ้าโบราณ ชาวอำเภอลอง สะสมผ้าโบราณชนิดต่างๆ ของเมืองลอง และผ้าโบราณของชุมชนใกล้เคียง
จัดแสดงเป็น 4 ส่วน คือ 1.จิตรกรรมเวียงต้า งานจิตรกรรมสีฝุ่นบนแผ่นไม้หลายแผ่น ประกอบเป็นฝาผนังของช่างพื้นบ้านในอดีต เดิมอยู่ในวัดต้าม่อน อ.ลอง จ.แพร่
2.ผ้าโบราณเมืองลอง จัดแสดงผ้าซิ่นตีนจกของกลุ่มไทโยนกเมืองลอง มีลวดลายเหมือนกับภาพเขียนจิตรกรรมเวียงต้า 3.จัดแสดงผ้าซิ่นตีนจกจากแหล่งต่างๆ และ 4.แสดงวิธีการเก็บผ้าโบราณ โดยอาศัยภูมิปัญญาของคนโบราณที่ทำให้ผ้าอยู่ได้นานกว่า 200 ปี
ใน อ.ลอง มีวัดสำคัญ คือ วัดพระธาตุศรีดอนคำ กราบไหว้พระเจ้าพร้าโต้ พระพุทธรูปไม้ศิลปะล้านนา สร้างโดยใช้มีดพร้า หรือมีดอีโต้ และสร้างเสร็จภายใน 1 วัน ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน นิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “พระเจ้าทันใจ”
ชมระฆังที่ทำจากลูกระเบิด จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองแพร่ “แห่ระเบิด” อยู่ภายในวัดศรีดอนคำ ระเบิดลูกนี้ชาวบ้านพบในแม่น้ำยม สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นำมาตัดหัวระเบิด และเอาดินปืนออก นำมาทำเป็นระฆังไปถวายวัดใช้ตีบอกเวลา
เลยเป็นที่มาของคำว่า “แพร่แห่ระเบิด” เพราะแห่ระเบิดที่ทำเป็นระฆังนำไปถวายวัด 4 แห่ง คือ วัดศรีดอนคำ วัดแม่ลานเหนือ วัดนาตุ้ม และวัดไฮสร้อย
จากนั้นไปชมศิลปะทางดนตรีล้านนา ที่ “โฮงซึงหลวง” บ้านศิลปินแห่งชาติ แม่ปะนอม ทาแปง แหล่งเรียนรู้การเล่น และทำเครื่องดนตรีล้านนา สะล้อ ซอ ซึง
เข้าสู่ตัวเมืองแพร่ ชม “คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่” สถานที่เก่าแก่นับร้อยปีอยู่คู่เมืองแพร่มายาวนาน เป็นอาคารโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมรูปทรงไทย ผสมยุโรป หรือที่มักเรียกกันว่า “ทรงขนมปังขิง” เป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 5
มาเที่ยวแพร่ต้องมานมัสการพระธาตุช่อแฮ เพื่อเป็นสิริมงคล องค์พระธาตุช่อแฮเป็นเจดีย์ศิลปะเชียงแสน เป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีเสือ เชื่อว่าหากนำผ้าแพรสามสีไปถวาย จะทำให้ชีวิตมีพลังคุ้มครองป้องกันศัตรูได้ ในพระธาตุช่อแฮบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระศอกซ้าย และพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โด่งดัง “แพะเมืองผี” เกิดจากสภาพภูมิประเทศ เป็นดินและหินทรายถูกกัดเซาะตามธรรมชาติเป็นรูปร่างลักษณะต่างๆ มีเนื้อที่ 167 ไร่ เป็นสถานที่มีความสวยงามด้าน ธรณีวิทยา หน้าผา เสาดิน และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
ส่วนด้านอาหารและจุดเช็กอิน ร้านกาแฟแห่ระเบิด อิ่มอร่อยกับ “ขนมจีนน้ำพริกน้ำย้อย” มีให้เลือกหลายร้านตามสองข้าง อ.ลอง ไปตัวเมืองแพร่
จากแพร่ไปน่านใช้เวลาชั่วโมงกว่า เข้า “วัดภูมินทร์” เป็นวัดหลวง ศูนย์รวมจิตศรัทธาชาวน่าน โดยตัววัดภูมินทร์มีลักษณะค่อนข้างแตกต่างกับวัดอื่น คือมีโบสถ์และวิหารอยู่ในอาคารเดียวกัน ตกแต่งลวดลายสวยงาม
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง หรือ “ฮูบแต้ม” ในวัดภูมินทร์ ที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จัก เป็นภาพ “ปู่ม่าน ย่าม่าน” เป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อ ภาพวาดของหนุ่มสาวคู่นี้ประณีตสวยงามมาก เรียกกันว่า “ภาพกระซิบรัก”
ติดกับวัดภูมินทร์ หากเดินทางมายังที่นี่ตรงกับวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะพบกับถนนคนเดินน่าน ถนนสายวัฒนธรรม อาจจะเป็นถนนคนเดินที่ไม่ยาวมากเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีที่นั่งขันโตกด้านหน้าทางเข้าวัดภูมินทร์ นักท่องเที่ยวซื้ออาหารแล้วไปนั่งรับประทานกันได้
จากนั้นไป “วัดพระธาตุแช่แห้ง” วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองน่าน อายุกว่า 600 ปี ตามพงศาวดารระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1891 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้มาจากเมืองสุโขทัย
อีกแห่งที่ “วัดพระธาตุเขาน้อย” เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ.2030 ตั้งอยู่บนดอยเขาน้อย มีบันไดนาค 303 ขั้น เพื่อขึ้นไปยังตัววัดได้
ข้างบนเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระธาตุขนาดใหญ่ ภายในบรรจุเกศาธาตุ นอกจากจะได้ไปไหว้พระแล้ว ยังขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามแบบพาโนรามาของเมืองน่านได้อีกด้วย
แพร่และน่านไม่ห่างกันมาก เที่ยวได้ทั้ง 2 จังหวัดแบบ 3 วัน 2 คืนได้ ประกอบกับถนนหนทางสะดวกสบาย ที่พักราคาไม่แพงนัก และเที่ยวได้ทั้งปี