ปัจจุบันมีการส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุผ่านรูปแบบและกลไกต่างๆมากมาย เช่น โรงเรียนผู้สูงอายุ ชมรมผู้สูงอายุ หรือศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ(ศพอส.) เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมุ่งเน้นมิติด้านสุขภาพ ด้านการมีส่วนร่วมและด้านความมั่นคงหรือการมีหลักประกันในชีวิต ทว่า การศึกษาและติดตามผลพบทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนที่จำเป็นต้องมีการพัฒนาการดำเนินงาน

เมื่อเร็วๆนี้ มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดเวทีสัมมนาActive and Productive Ageing:ความท้าทายที่ไทยต้องไปให้ถึง” มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลการศึกษาวิจัยภายใต้”แผนการบริหารจัดการโครงการวิจัยท้าทายไทยกลุ่มเรื่อง Active and Productive Ageing “ เพื่อนำมาขับเคลื่อนการเตรียมความพร้อมของสังคมไทยในการมุ่งสู่สังคมสูงวัยอย่างกระปรี้กระเปร่า คือ เป็นผู้สูงอายุที่ปราศจากโรค มีความสามารถในการใช้ร่างกาย สรีระวิทยา จิตใจ และสังคม ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงไปตามกระบวนการชราที่เกิดขึ้น ให้ทำงานได้อย่างเหมาะสม มีความสามารถทำอะไรๆ ได้ตามสิทธิที่มีอยู่ มีชีวิตที่อิสระ มีส่วนร่วม และทำได้สำเร็จด้วยตัวเอง

จากการศึกษา เรื่อง “โครงการจัดทำข้อเสนอการพัฒนาการดำเนินงานส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุ” ของรศ.ดร.อาชัญญา รัตนอุบล อาจารย์ภาควิชาการศึกษาตลอดชีวิต คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและคณะ ซึ่งเป็นการวิจัยภายใต้แผนงานบริการจัดการโครงการวิจัยท้าทายไทย กลุ่มเรื่อง Active and Productive Aging ในด้านการพัฒนาศักยภาพและบทบาทของผู้สูงอายุ โดยใช้แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และแนวทางการสนทนากลุ่มเป็นเครื่องมือในการศึกษาวิจัย ในกลุ่มผู้บริหาร ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง กลุ่มคนต่างช่วงวัย และผู้สูงอายุที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการดำเนินงานส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุในรูปแบบโรงเรียนผู้สูงอายุ การรวมตัวผ่านกิจกรรม การรวมตัวกับกลุ่มคนหลายช่วงวัย และศพอส. จำนวน 556 คน

ผลการศึกษาแบ่งเป็น 2 ส่วนสำคัญ คือ 1.จากการศึกษาเอกสารเกี่ยวกับการจัดทำนโยบาย กลไก และมาตรการในการดำเนินงานส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุของภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ พบว่า มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม มุ่งเน้นด้านสุขภาพ ด้านการมีส่วนร่วม และด้านความมั่นคงหรือการมีหลักประกันของชีวิต มีการจัดทำมาตรการและออกแบบกลไกเพื่อให้เกิดประสิทธิผลในการดำเนินงานส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุอย่างเป็นรูปธรรม ทุกรูปแบบเน้นการส่งเสริมการเห็นคุณค่าในตนเอง

และ 2. จากการศึกษาสภาพจริงของการดำเนินงานส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุ พบว่ามีความหลากหลายของรูปแบบกิจกรรมขึ้นอยู่กับพื้นที่และหน่วยงาน องค์กรและเครือข่ายที่สนับสนุน มีการทำงานร่วมกันระหว่างผู้สูงอายุ และองค์กรภาคีเครือข่าย่ตางๆที่เกี่ยวข้อง เน้นการส่งเสริมสังคมและสุขภาพเป็นสำคัญ ตามด้วยการส่งเสริมการมีรายได้ของผู้สูงอายุ

จากการศึกษาพบจุดเน้นและจุดอ่อนที่สำคัญของรูปแบบต่างๆ ได้แก่ 1.โรงเรียนผู้สูงอายุ มีจุดเน้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านสุขภาพและการดูแลตัวเอง โดยให้ผู้สูงอายุและชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ส่วนจุดอ่อน คือ กลไกด้านหลักประกันไม่มีความสอดคล้องกับนโยบายและมาตรการ และยังเน้นการรวมกลุ่มเฉพาะผู้สูงอายุการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับมาชิกชุมชนและการส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกองทุนการออมน้อย 2.รูปแบบการรวมตัวผ่านกิจกรรม มีจุดเน้นที่สำคัญเรื่องการรวมกลุ่มเพื่อส่งเสริมการเห็นคุณค่าผ่านกิจกรรม ขณะที่จุดอ่อนอยู่ที่การนำชุมชนเข้ามาร่วมมือและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สูงอายุและยังขาดการส่งเสริมการจัดตั้งกองทุนการออม และ3.รูปแบบศพอส. มุ่งเน้นการส่งเสรมให้มองเห็นคุณค่าในตนเองของผู้สูงอายุผ่านกิจกรรมหลากหลายทั้งด้านสุขภาพและอาชีพ และจุดอ่อนคือมีการนำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมและการส่งเสริมการจัดตั้งกองทุนออม

ข้อเสนอแนะจากการศึกษาครั้งนี้มี 8 ข้อหลัก ประกอบด้วย 1.จัดดำเนินการให้เกิดการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีบทบาทหลักในการสนับสนุนกลไกการรวมตัวกันของผู้สูงอายุในรูปแบบต่างๆร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆในและนอกพื้นที่ 2.ส่งเสริมให้มีกิจกรรมเชิงพัฒนาที่เน้นการพัฒนาศักยภาพของผู้สูงอายุทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจและสังคม 3.ใช้แนวคิดAgeing Friendly Learning Space ในการสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่เป็นมิตรกับคนทุกวัย 4.ส่งเสริมให้เกิดการเปิดกว้างในการรวมกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรวมกลุ่มที่เกิดขึ้นตามอัธยาศัยของผู้สูงอายุและคนในชุมชน และมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่ม ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนทุกวัย

5. ส่งเสริมให้คนในครอบครัวเข้าร่วมกิจกรรมกับผู้สูงอายุ เช่น การร่วมเป็นอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุอื่นๆที่นอกเหนือจากผู้สูงอายุในครอบครัว เป็นต้น 6.จัดดำเนินการเตรียมความพร้อมและการวางแผนชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก ด้วยการส่งเสริมให้มีหลักสูตรที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ ด้านการมีส่วนร่วมกับสังคม และด้านความมั่นคงหรือหลักประกันในชีวิต 7.ส่งเสริมให้เกิดการทำงานตามแนวทางประชารัฐ คือ การร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับชุมชน สร้างเครือข่ายความร่วมมือในทุกด้านที่มีความเกี่ยวข้องกับการพัฒนาศักยภาพของผู้สูงอายุ และ8.ผู้สูงอายุ ควรสร้างเสริมพลังบวกด้วยการสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าของตนเองปรับเปลี่ยนวิธีคิด ทัศนคติในการดำเนินชีวิต เพื่อสร้างค่านิยมใหม่ของความเป็นผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ

จากการศึกษานี้จะเห็นได้ว่ากลไกการรวมกลุ่มในรูปแบบต่างๆของผู้สูงอายุ ก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลไกในการพัฒนาศักยภาพ แต่ยังขาดเรื่องการเชื่อมโยงกิจกรรมเข้ากับชุมชนและการจัดตั้งการออมยังมีน้อย การจะส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจึงควรขยายจุดเด่นปิดจุดอ่อน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน