เมื่อวานนี้ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส ร่วมกับองค์กรระดับโลกระดับโลกอย่าง โนเกีย หัวเหว่ย และ แซดทีอี จัดงาน “5G the First LIVE in Thailand by AIS” ณ AIS DC ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม เพื่อทดสอบเทคโนโลยี 5G เป็นรายแรกในไทย และเปิดโอกาสให้คนไทยได้ลองสัมผัสประสบการณ์ก่อนใคร เพื่อให้ภาคธุรกิจ และทุกอุตสาหกรรมเห็นประโยชน์ที่จะได้รับจาก 5G ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา

นายวีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจสัมพันธ์และองค์กร เอไอเอส กล่าวว่า หน้าที่หลักในฐานะ Digital Life Service Provider คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ดีที่สุดเพื่อประเทศ เอไอเอสจึงพัฒนาสินค้าและบริการอยู่เสมอ เพื่อนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมามอบให้แก่คนไทย ซึ่งอีกหน้าที่หลักซึ่งสำคัญไม่แพ้กันก็คือ ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการซึ่งมีคลื่นความถี่มากที่สุด เราจะต้องนำทรัพยากรคลื่นความถี่มาสร้างมูลค่าและประโยชน์ให้แก่อุตสาหกรรมและประเทศไทยอย่างดีที่สุด หมายรวมถึง การศึกษา ค้นคว้า วิจัย เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเช่นเครือข่าย 5G ที่ต้องเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า 5G คือโอกาสสำคัญที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรม

งานในวันนี้เกิดขึ้นจากการที่เอไอเอสและโนเกีย ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้นำเข้าอุปกรณ์เพื่อดำเนินการสาธิต 5G และอนุมัติให้สามารถเปิดการสาธิต 5G บนคลื่น ความถี่ย่าน 26.5-27.5 GHz ได้อย่างเป็นทางการ

ซึ่ง “5G the First LIVE in Thailand by AIS” พร้อมเปิด ให้คนไทย และภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้สัมผัสประสบการณ์และใช้เทคโนโลยีแห่งอนาคตกันแล้ว เพื่อให้เห็นประโยชน์ของ 5G อย่างเป็นรูปธรรม ในฐานะเทคโนโลยีที่จะพลิกโฉมและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจทุกระดับ อันจะเป็นการยกระดับขีดความสามารถเศรษฐกิจและสังคม โดยจะทยอยนำเสนอเทคโนโลยีจากพันธมิตรระดับโลกรายอื่นๆ อย่างต่อเนื่องในโอกาสต่อไป

เอไอเอสเชื่อว่า 5G จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของวงการอุตสาหกรรมที่จะร่วมขับเคลื่อนประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยคุณสมบัติ 3 ส่วน คือ ความเร็ว (Speed) ที่จะช่วยยกระดับความเร็วการใช้ดาต้า (EMBB) การสนับสนุน IoT ที่ช่วยขยายขีดความสามารถการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ (mMTC) และประสิทธิภาพความเร็วในการตอบสนอง ที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพเครือข่ายให้สามารถตอบสนองได้รวดเร็วและเสถียรที่สุด (Ultra-reliable and low latency communications) อาทิ สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางการแพทย์ หรือ อุตสาหกรรมยานยนต์อย่าง Self-Driving Car

โดยได้เตรียมวางรากฐานเครือข่ายทั้ง 3 แกนมาอย่างต่อเนื่อง อย่างในแกน Speed ได้เปิดตัว 4.5G ที่เร็วระดับกิกะบิท และ เปิดตัว Massive MIMO 32T32R ครั้งแรกในโลก รวมถึงการเปิดให้บริการ NEXT G พร้อมผนึกกำลังพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตชิปและสมาร์ทโฟน ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์เร็วแรงระดับกิกะบิทครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนในแกน IoT นอกจากการพัฒนาเครือข่ายทั้ง NB IoT และ EMTC แล้ว ยังเป็นรายแรกในไทยที่เปิดให้บริการ IoT เชิงพาณิชย์อีกด้วย ส่วนในแกน การตอบสนอง หรือ Latency เอไอเอสก็ได้เริ่มศึกษาและเป็นรายแรกที่เริ่มต้นปรับโครงสร้างเครือข่ายหลักที่กระจายอยู่ในแต่ละภูมิภาค (AIS Core Network Architecture Ready for 5G) ให้สามารถสื่อสารตรงไปยังเซิร์ฟเวอร์บริการต่างๆได้ทันที โดยไม่ต้องย้อนกลับมาผ่านศูนย์กลางเครือข่ายในส่วนกลาง ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลให้อัตราการตอบสนองได้เร็วขึ้น เพราะค่า Latency ต่ำ ช่วยสร้างประสิทธิภาพสูงสุดให้กับระบบอุตสาหกรรม

ภายในงานมีการสาธิตเครือข่าย 5G ผ่าน 5 รูปแบบนวัตกรรมสุดล้ำ ครั้งแรกของเมืองไทย ประกอบด้วย

  1. 5G Super Speed

การแสดงศักยภาพที่สำคัญของเครือข่าย 5G ที่แสดงผลจากการเปรียบเทียบระหว่างเครือข่าย 4G และ 5G ว่าเครือข่าย 5G มีความเร็วในการรับส่งสัญญาณ (Throughput) และมีค่าความหน่วง (Latency) ที่แตกต่างจากเครือข่าย 4G อย่างเห็นได้ชัด

  1. 5G Ultra Low Latency – Cooperative Cloud Robot

การสาธิตประสิทธิภาพการตอบสนองที่รวดเร็วของเครือข่าย 5G โดยการใช้หุ่นยนต์สามตัวในการหาจุดสมดุล ที่ทำให้ลูกบอลอยู่กึ่งกลางกระดาน การสาธิตแสดงเวลาที่หุ่นยนต์ใช้ในการหาจุดสมดุลผ่านการสื่อสารระหว่างกันโดยใช้เครือข่าย 4G เปรียบเทียบกับเครือข่าย 5G

  1. 5G for Industry 4.0

หุ่นยนต์มีบทบาทอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 การทำงานร่วมกันของเครื่องจักรจากหลายสายการผลิตจึงต้องการการเชื่อมต่อไร้สายที่มีความหน่วงต่ำและความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งจะทำให้สายการผลิตทำงานได้เร็วขึ้น ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการสาธิตหุ่นยนต์ YuMi® Dual-Arm Collaborative Robot จาก ABB โดยเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 5G

  1. 5G Virtual Reality – immersive video

การสาธิต การดูวีดีโอที่แสดงสภาวะเสมือนจริง (immersive video) ผ่านเครือข่าย 5G ผู้ที่ใส่แว่นตา VR จะสามารถมองเห็นได้รอบด้าน 360 องศา การดูวีดีโอ VR ที่มีความคมชัด ต้องการ bandwidth ที่สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการถ่ายทอดสด หรือ live streaming

  1. 5G FIFA Virtual Reality

ทดลองความเร็วของเครือข่าย 5G ด้วยตัวคุณเอง โดยการเตะลูกบอล Virtual Reality (VR) ที่จุดโทษผ่านเครือข่าย 5G

การทดสอบเทคโนโลยี 5G ในครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งในการเตรียมความพร้อมของเอไอเอส ที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเครือข่ายและเทคโนโลยีเพื่อคนไทยอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวทันในยุคดิจิทัล และยังมุ่งหวังว่าจะเป็นการช่วยเสริมแรงบันดาลใจให้กับองค์กรต่างๆ ที่จะเตรียมความพร้อมองค์กรให้สอดรับกับเทคโนโลยีอนาคตที่จะมาถึงในอนาคตอันใกล้

โดยงาน “5G the First LIVE in Thailand by AIS” จะจัดแสดงตั้งแต่ 22 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2561

ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาสัมผัสประสบการณ์เทคโนโลยีแห่งอนาคตได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

#5GThe1stLiveByAIS

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน