คอลัมน์ มุมพระเก่า

พระเกจิอาจารย์ดังแห่งจังหวัดชุมพร ที่เป็นเจ้าของเหรียญหลักเหรียญดังของประตูสู่ภาคใต้ “หลวงพ่อสงฆ์” วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ตำบลบางลึก อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านเป็นที่ต้องการของลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสม โดยเฉพาะเหรียญกลมรุ่นแรกที่ระลึกงานผูกพัทธสีมา วัดหาดแก้ว ปี 2502 ปัจจุบันนักสะสมนิยมอย่างมาก สนนราคาเล่นหานับวันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ

“หลวงพ่อสงฆ์” เกิดเมื่อวันอังคาร เดือน 6 ปีขาล พ.ศ.2433 โยมบิดาชื่อแดง โยมมารดาชื่อนุ้ย ท่านเกิดที่บ้านวินัยเหนือ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร บิดามารดาประกอบอาชีพในการทำนา ท่านศึกษาหาความรู้ในการอ่านเขียนจนอายุสิบกว่าขวบ

อายุได้ 18 ปี บิดามารดา จึงได้บวชให้เป็นสามเณรที่วัดสวี ศึกษาหาความรู้ด้านพระธรรมวินัย พระปริยัติ และอักษรขอม ต่อมาเมื่ออายุครบบวชได้อุปสมบทที่วัดวิสัยเหนือ โดยมีหลวงพ่อชื่น วัดแหลมปอ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา “จันทสโร”

หลังบวชแล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดวิสัยเหนือระยะหนึ่ง จึงเดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่วัดควน ตำบลวิสัยเหนือ ศึกษาทางด้านกรรมฐานและด้านวิทยาคม จำพรรษาอยู่ได้หนึ่งพรรษา จึงออกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ จนมาถึงจังหวัดภูเก็ต ก็พบกับพระอาจารย์รอด วัดโต๊ะ ซึ่งผู้คนให้ความเคารพนับถือมาก ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิทยาคมต่างๆ จนหมดสิ้นเป็นเวลา 2 พรรษา จึงกราบลาอาจารย์ออกธุดงค์อีก 7 ปี

วันหนึ่งนางร่อยพร้อมด้วยลูกชายเดินทางไปทำนาที่ไกลจากบ้านหลายกิโลเมตร ขณะเดินทางพลันได้ยินเสียงของนกร้องว่า “หนักก็วางเสีย หนักก็วางเสีย” เมื่อมองหานกตัวนั้นพบ นกตัวนั้นก็บินไป ทั้งสองแม่ลูกก็ตามไปพอถึงต้นไม้ ก็พบเห็นแต่พระสงฆ์รูปหนึ่งจีวรเก่าคล้ำขาดรุ่งริ่ง ท่าทางสงบ พอได้สติได้เข้าไปกราบสอบถามอย่างละเอียด ด้วยความเลื่อมใสจึงได้นิมนต์ท่านไปจำพรรษาที่วัดร้างใกล้หมู่บ้าน และท่านก็ได้อยู่ที่วัดร้างแห่งนี้

ต่อมาท่านได้บูรณะจนเป็นวัดเจ้าฟ้าศาลาลอยมาถึงทุกวันนี้ แต่แรกวัดแห่งนี้มีแต่ซากสิ่งก่อสร้าง กุฏิเก่าๆ ทรุดโทรมอย่างมาก โบสถ์ก็เหลือแต่เสาต้นใหญ่สี่ต้น พระพุทธรูปองค์ใหญ่ก็ชำรุดผุพัง มีต้นไม้ต้นหญ้าขึ้นรกรุงรัง

หลังจากท่านมาอยู่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านมาหักร้างถางต้นไม้ และช่วยกันบูรณะเสนาสนะต่างๆ ขึ้นมาใหม่จนเป็นวัดที่มั่นคงแข็งแรง หลังจากท่านมาอยู่ได้ 2 พรรษาก็มีชาวบ้านที่กระบุรีเดินทางมากราบไหว้ท่าน พวกเขาได้เห็นอภินิหารของท่าน

มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงพ่อสงฆ์ ท่านเดินดูแลวัดอยู่ มีชายคนหนึ่งเดินแบกลังสีน้ำตาลผ่านวัดเข้ามา เพื่อจะเดินไปบ้านเขา ซึ่งต้องผ่านลานวัด ลังที่เขาแบกมานั้นเป็นลังสุรา เมื่อหลวงพ่อสงฆ์เห็นเข้าก็ถามว่าแบกลังอะไรมา ชายคนนั้นก็เกรงใจไม่กล้าบอกว่าเป็นลังสุรา จึงตอบหลวงพ่อสงฆ์ไปว่า เป็นลังน้ำปลา ท่านก็บอกว่าลังน้ำปลาหรือ เขาบอกกับหลวงพ่อสงฆ์ว่าที่บ้านมีงานจะนำไปทำอาหาร เมื่อไปถึงบ้านที่กำลังเตรียมงานมงคล มีชาวบ้านมาช่วยกันทำกับข้าวกันมาก

เมื่อแกะลังสุราออกมาให้ชาวบ้านที่มาช่วยงานกินกัน ปรากฏว่าสุรานั้นกลายเป็นน้ำปลาทั้งลัง ชายคนที่แบกลังมาได้เล่าให้ชาวบ้านฟังว่าเดินผ่านวัดเจอหลวงพ่อสงฆ์ ท่านถามว่าลังอะไร ก็เกรงใจจึงบอกว่าลังน้ำปลา สุราเลยกลายเป็นน้ำปลาทั้งลัง

ชาวบ้านจึงรู้ว่าท่านมีวาจาสิทธิ์ พูดอะไรเป็นอย่างนั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน