เผยอารมธรรม ผู้เข้าร่วมโครงการ บวชถวายในหลวงรัชกาลที่ 10 หนึ่งในโครงการทำดีเพื่อแผ่นดิน ใช้พระธรรมนำทางชีวิต

เปิดมุมมองหลังพระ 47 รูป เข้าศึกษาทางธรรมเข้มข้นหลังเข้ารับการบวชใน โครงการอุปสมบทบรรพชา เฉลิมพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 10 กิจกรรมหลักที่วัดไผ่ล้อม โดยหลวงพี่น้ำฝน จัดขึ้นทุกปี โดยวางเป้าหมายนำพุทธศาสนิกชน น้อมรวมใจถวายความจงรักภักดี พร้อมนำหลักธรรมที่ได้ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อความผาสุขอย่างยั่งยืน

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม เผยว่า วัดไผ่ล้อม ได้จัดโครงการบรรพชา อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ในหลวง รัชกาลที่ 10 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ประจำปี 2561 โดยได้กำหนดให้มีระยะเวลา 15 วันตั้งแต่วันที่ 10-25 มิถุนายน 61

โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 47 คน ล้วนแล้วเป็นผู้ที่มีความศรัทธาและตั้งมั่นในการเข้าศึกษาทางธรรมและน้อมถวายความจงรักภักดี ต่อ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยเป็นโครงการที่จัดขึ้นทุกปี

โดยวัดไผ่ล้อมได้มุ่งเน้นในการปลูกฝังและเปิดพื้นที่ให้แสดงออกถึงความตระหนักในความเป็นไทยที่มี ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นที่ตั้ง ซึ่งการจัดบรรพชาอุปสมบท โดยไม่ปิดกั้นและเปิดโอกาสให้ผู้คนที่มาจากต่างพื้นที่ ต่างวัฒนธรรม มาอยู่ร่วมกันได้อย่างสามัคคี มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือให้ศาสนาเป็นศูนย์กลางของศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งชาติ

พันโทอุดม ศรีเงิน อายุ 63 ปี ช้าราชการบำนาญ อยู่บ้านเลขที่ 496/51 ถ.ราชมรรคา ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ได้บวชซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ดีมาก เพราะตั้งใจจะบวชถวายเป็นพระราชกุศล ตั้งแต่ครั้งยังรับราชการ แต่มีภารกิจต้องทำงานซึ่งความตั้งใจยังคงอยู่มาตลอด กระทั่งมาพบว่าวัดไผ่ล้อม ได้มีการจัดโครงการนี้ ทำให้ไม่ยากต่อการตัดสินใจ และครั้งแรกที่ได้โกนหัวปลงผม มีความปิติมากและดีใจที่ได้ทำสิ่งที่อยากทำมานาน

เชื่อว่าการบวชด้วยความตั้งใจจะมีผลดีกับชีวิตหลังรับราชการในวัยเกษียณอายุ และในโครงการมีการจัดอบรมธรรมะมากมาย หลายแบบโดยมี วิทยาการปลัดเปลี่ยนมาให้ความรู้ตลอด เชื่อว่าหลังบวชจะสามารถนำสิ่งที่ได้ศึกษาทางธรรมปรับใช้ได้ กับชีวิตในวัดเกษียณอายุ ได้แน่นอน

และสำหรับมุมมองสำหรับโครงการนี้ คือการได้ทำดีเพื่อแผ่นดิน ส่วนหนึ่งคือการได้ชำระให้ตัวเองมีความสงบจากภายใน โดยยิ่งมาได้บวชในโครงการฟรีครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะมาแค่ตัวเปล่า ทางวัดไผ่ล้อม โดยหลวงพี่น้ำฝนนั้น จัดการให้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เตรียมตัวบวชจนถึงการบวชและการเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมด ทำให้รู้สึกว่า น่าจะมีวัดที่ทำได้แบบนี้เยอะๆ และจะทำให้คนไทยมีจิตใจที่อ่อนโยนได้ในช่วงโลกที่กำลังวุ่นวายแบบนี้

พระพันธวัช พิศาลาสนามาตย์ (กิติวุโธ) อายุ 57 ปี ทนายความ อยู่บ้านเลขที่ 98 ม.4 ตซท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม กล่าวว่า เป็นความตั้งใจที่จะเข้ามาร่วมบวชในโครงการนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสงบทางใจ โดยเฉพาะการจัดการงานวันอุปสมบทนั้นถือว่าทำได้ดีมาก มีพระพี่เลี้ยงมาคอยดูแลตลอด และยิ่งทำให้การบวชเป็นไปอย่างสงบ การได้ศึกษาธรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เป็นอะไรที่ดีมาก

เพราะเป็นการที่ได้มีการแสดงออกด้วยความจงรักภักดี ด้วยการเข้ากรอบในการปฏิบัติธรรม ซึ่งการบวชที่นี่ได้ยังมีการฝึกสมาธิ การเดินจงกม การฟังเทศน์ และการฟังบรรยายจากวิทยากรในหลายๆรูปแบบ คือมีการได้ความรู้อย่างชัดเจนละเป็นการศึกษาที่เข้มข้นมาก ซึ่งถือว่าวัดไผ่ล้อมทำได้ดีมากสำหรับการเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้บวชฟรี ครั้งนี้

พระจีรัน เหมะสกล อายุ 20 ปี นักศึกษา สถาบันเทคโนโลยีย่านยนต์มหาชัย กล่าวว่า ตอนแรกได้ทราบข่าวการบวชฟรี จากสังคมออนไลน์ จึงได้มาคิดว่าอยากจะบวช เพราะการศึกษาธรรมจากการอ่านทั่วไป น่าจะยังไม่เห็นถึงแก่นธรรม และพระพุทธศาสนาน่าจะมี อะไรที่ให้คำตอบกับตัวเองได้มากขึ้น จึงได้สมัครเข้าร่วมโครงการ และการได้โกนหัวครั้งแรกก็รู้สึกตื่นเต้น

เมื่อยิ่งได้เข้ามาศึกษาและปฏิบัติแบบพระสงฆ์เต็มรูปแบบ ทำให้รู้สึกว่าเป็นความสุขที่อยู่ภายในใจ โดยได้ห่างตากทางโลกไประยะหนึ่งเพื่อมาหาคำตอบของแก่นแท้ในชีวิต ซึ่งสิ่งที่ได้จากคณะพระพี่เลี้ยงถือว่าได้ให้คำตอบหลายๆอย่างแม้จะเป็นเวลา 15 วันแต่ก็ทำให้ได้เห็นว่าพระพุทธศาสนา นั้นเป็นสิ่งที่เป็นจริงหากศึกษาลึกซึ้งจะทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ด้วยมีพระธรรมคำสั่งสอนเป็นแนวทาง โดยสิ่งที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันแน่ ๆ คือ ความใจเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด และจะนำไปใช้ต่อไปกับตัวเองได้แน่นอน

พระณัฐนันท์ ยะกำ อายุ 48 ปี ครูสอนเต้นลีลาศ อยู่บ้านเลขที่ 131 ชุมชนนครปฐม ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม กล่าวว่า วันนี้เมื่อได้อยู่ในผ้าเหลืองนั้นมีความสงบสุขสงบ และตรงกับใจที่ได้ตั้งมั่นว่าจะมาบวช สักครั้งในชีวิต ซึ่งก่อนบวชก็อยู่ทางโลกแล้วเห็นความวุ่นวาย เมื่อได้อยู่ในผ้าเหลืองแล้วก็มีจิตใจที่มองอะไรไปในอีกมุมมอง สำหรับการเข้าร่วมโครงการ ก็ได้ติดตามข้อมูลเสาะหาเพื่อจะบวช ถวายเป็นพระราชกุศลอยู่แล้ว

ซึ่งเมือได้บวชมาแล้วทำให้รู้สึกว่าเป็นกุศลเพิ่มขึ้นอเพราะได้ทำอะไรเพื่อจตอบสนองกับพระคุณบิดามารดาแล้ว การได้ทำอะไรเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ คือเป็นส่วนที่คนไทยจะต้องทำให้เป็นแบบอย่าง อย่างการบวชก็เป็นการตอบแทนเช่นกันเพราะในช่วงที่อยู่ในรูปแบบของพระภิกษุ ก็จะต้องมีกฎกติการเพิ่มขึ้น ได้ศึกษาพระธรรมในช่วงหนึ่ง ซึ่งเป็นจริงว่าเมื่อได้อยู่ในผ้าเหลืองและจะมีความสงบสุข ไม่วุ่นวายกับทางโลกจริง ๆ ที่สำคัญโครงการนี้ได้บวชฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายก็รู้สึกดีกับบุญของวัดไผ่ล้อมที่ได้เปิดอโอกาสให้เราได้เข้ามาร่วมด้วยถือเป็นกุศลใหญ่จริง ๆ

พระสิทธิธนา เจริญสุข อายุ 34 ปี อาชีพรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 233 ม.6 ต.ดอนกำยาน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี บอกว่า เดิมที่เมื่อปีที่แล้วได้มาบวช ในโครงการนี้มาแล้วและรู้สึกว่ามีความสุขที่ได้บวช เมื่อทราบข่าวว่าปีนี้ หลวงพี่น้ำฝน ได้มีการจัดให้บวชฟรีอีก ก็ไม่ยากที่จะตัดสินในบวชอีกครั้ง ส่วนตัวแล้วชอบวัดไผ่ล้อมมาตั้งแต่ ครั้งหลวงพ่อพูลยังอยู่ เ

มื่อหลวงพี่น้ำฝนมาเป็นเจ้าอาวาส ก็เห็นได้ชัดว่ามีการจัดการวัดที่ทำให้วัดสวยงาม มีความสะอาดมาก เห็นพระทุกรูปมีหน้าที่ต้องทำ นั่นคือการจัดระบบได้ดี โดยเมื่อได้บวชครั้งนี้อีก ก็เห็นว่าการจัดงานที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ ลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ ซึ่งในปีนี้ก็มีกิจกรรมให้ได้ทำเหมือนเดิมและมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่เพิ่มเติมมาให้ความรู้มากขึ้นด้วย

โดยส่วนตัวมองว่าการได้บวชเรียน แม้จะมีเวลา 15 วัน แต่ก็สามารถได้รับพระธรรมดีดีที่สมเด็จองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มอบให้เราชาวพุทธไว้ เป็นสมบัติที่ล้ำค่า โดยเมื่อหลังจากจบกิจกรรม ตนเองจะเห็นทางสว่างของชีวิตมากขึ้นอย่างแน่นอน และจะเป็นตัวอย่างที่ดีของลูกหลานต่อไป

พระเฉลิมเกียรติ พวงเพ็ชร อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/37 ต.บ่อพลับ อ.เมือง จ.นครปฐม กล่าวว่า ได้เข้าวัดไผ่ล้อมมาตั้งแต่เด็ก และได้ทราบว่าวัดไผ่ล้อมได้จัดโครงการนี้ทุกปี โดยจะมีในเดือนเกิดของหลวงพี่น้ำฝนคือเดือน มิถุนายน ก็ได้ติดตามข้อมูล เมื่อมีการจัดโครงการจึงได้เข้าร่วมสมัคร โดยบอกญาติๆว่าจะเข้าร่วมโครงการ โดยโครงการนี้เปิดโอกาศให้ได้บวชและไม่เสียค่าใช้จ่ายใดใด ทำให้ครอบครัวมทุ่นค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ ส่วนหนึ่งได้บวชทดแทนพระคุณบิดามารดา อีกส่วนได้ทดแทนให้กับชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งในฐานะเป็นคนไทย ที่อายุครบที่จะได้บวชเรียนก็เป็นจังหวะที่ดีของชีวิต ต้องขอขอบพระคุณวัดไผ่ล้อม หลวงพี่น้ำฝน ที่เปิดโอกาสโดยไม่ปิดกั้นที่จะได้ให้เข้าบวชในโครงการเพราะ การได้บวชเรียนเตรียมความพร้อมก่อนจะได้ทำงานบนทางโลก คือการเตรียมความพร้อมที่ดีมากที่สุดอย่างหนึ่งของชีวิต และการบวชคือการได้ผ่านความเป็นชายที่สมบูรณ์ พร้อมที่จะนำหลักธรรมไปใช้ในการทำงาน การดำเนินชีวิต กับตัวเองและครอบครัวต่อไป

สำหรับโครงการบวชเฉลิมพระเกียรติ วัดไผ่ล้อม โดยพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ เจ้าอาวาส ได้มีการวางแนวทางในการที่จะเปิดให้คนไทยทุกคนที่ไม่มีความพร้อม ได้สามารถบวชโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดใด มาตลอดทุกปี ซึ่งเป้าหมายคือการ ได้น้อมรวมจิตใจ บวชเฉลิมพระเกียรติ ได้ศึกษาทางธรรมโดยมีการนำความรู้ ความเข้าใจที่แท้จริงของการได้บวชมาปลูกฝังและยังหาหลักธรรมที่สามารถจดจำได้ง่ายมาสอดแทรกในการบรรยายธรรมให้กับคณะผู้เข้าร่วมโครงการ รวมถึงญาติธรรม ที่ได้เข้ามาร่วมรับฟังเพื่อให้สามรถนำไปขัดเกลาจิตใจ เพื่อยกระยกระดับจิตใจของตัวเองให้พัฒนาก้าวไปเป็นคนที่สมบูรณ์แบบได้ในสังคมไทย

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวปิดท้ายว่า ตามความเชื่อ การได้บวชของชายไทย คือการได้บวชเพื่อทดแทนพระคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เป็นหนึ่งในจารีตที่คนไทยยึดถือกันมา การได้ศึกษาพระธรรม ซึ่งเป็นภูมิสำหรับเป็นแสงนำทางชีวิต ให้เรียนรู้ รู้จักและเข้าใจ ความเป็นไปของโลก การได้ปฏิบัติธรรม คือการฝึกฝนวางตัวให้สงบสง่า อยู่ในศีลอยู่ในธรรม และการได้ทดแทนพระคุณแผ่นดิน นั่นคือสิ่งคนไทยที่สมบูรณ์พึงจะต้องมี โดยได้ยึดหลักให้ศิษย์ได้นำไปใช้ในชีวิตด้วย คือ ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน และรู้บุญคุณคน เป็นสิ่งที่หากนำไปใช้ได้ครบ จะทำให้ชีวิตก้าวหน้า และหากทุกคนทำได้จะนำพาให้ประเทศชาติเป็นประเทศที่สงบสุข เต็มไปด้วยมิตรภาพ ไร้ความขัดแย้ง บนสังคมที่แตกต่างกันได้นั่นเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน