เซียนท็อป พันธุ์ทิพย์ รู้ลึกพระเกจิยอดนิยม

 

 

“พันธ์ศักดิ์ มัชชะ” หรือที่วงการพระรู้จักกันในนามของ “ท็อป พันธุ์ทิพย์” ผันชีวิตจากช่างเลี่ยมพระ จนกลายเป็นเซียนพระและนักสร้างพระมือทองของวงการพระเครื่อง

“กว่าผมจะเดินมาถึงจุดนี้ ชีวิตต้องต่อสู้กับ การเรียนรู้ ไต่เต้ามาจากศูนย์ จนมีทุกอย่างในวันนี้ ผมเชื่ออย่างหนึ่ง ถ้าเราไม่ยอมแพ้ วันหนึ่งเราต้องชนะ” เซียนท็อปกล่าวนำ

ก้าวแรกที่เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ เมื่อปี 2552 หลังปลดประจำการจากทหารเกณฑ์ เดินทางมาถึงตลาดหมอชิต นั่งรถแท็กซี่ไปอาศัยอยู่กับอา ที่บริเวณถนนติวานนท์ จ.นนทบุรี

เซียนท็อปบอกเล่าว่า “ตอนนั้นเหลือเงินอยู่ 300 บาท ยังนึกไม่ออกว่าจะทำงานอะไร แต่ด้วยความที่มีใจรักสะสมพระเครื่อง ซึ่งตอนนั้นมีคนแนะนำให้เป็นช่างเลี่ยมกรอบพระ ซึ่งในสมัยนั้นค่าเลี่ยมองค์ละ 100 บาท อยู่ประจำบนห้างพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน ซึ่งค่าเรียนวิชาละ 30,000 บาท ผมพยายามเรียนรู้ให้มากที่สุดให้สมกับราคาเรียนที่แพง จนสามารถเลี่ยมพระประเภทต่างๆ ได้ ก่อนหันไปเปิดร้านเลี่ยมพระอยู่ชั้น 6 ห้างพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน จึงมักจะมีเซียนพระนำพระมาให้เลี่ยมอยู่เสมอ ซึ่งในการเลี่ยมแต่ละครั้งเราขออนุญาตเจ้าของพระ ศึกษาสอบถามรายละเอียด พระแท้ดูอย่างไร พระเก๊ดูอย่างไร ก็ได้รับความเมตตาจากเซียนพระเครื่องต่างๆ ที่เป็นลูกค้าชี้แนะ”

สำหรับการพิจารณาพระประเภทเหรียญ เซียนท็อป กล่าวว่า “ต้องดูรายละเอียดของเหรียญ มีความคมชัด เหรียญพระต้องเป็นเหรียญที่ไม่บวม เหรียญสมัยก่อนกับเหรียญสมัยใหม่มีความแตกต่างกัน เช่นเหรียญสมัยก่อนไม่มีเครื่องตัดขอบเหรียญ ต้องใช้เลื่อยตัดขอบ เราต้องดูรอยเลื่อย บวกกับความเก่าและความคมชัดในรายละเอียด”

“ส่วนพระสมัยใหม่มีเครื่องปั๊มแล้ว เราต้องมาดูตัวตัดของขอบเหรียญ รวมทั้งพิจารณาจุดรายละเอียดหลายประการ สมัยก่อนแกะบล็อกพระเหรียญ จะแกะด้วยมือ ซึ่งเส้นสายต่างๆ ในองค์นั้น ไม่ว่าจะเป็นเส้นขาด หรือเส้นเกิน เส้นขนแมว ที่เกิดจากผิดพลาดจากการแกะบล็อก ดูมันจะเป็นธรรมชาติ มีความอ่อนช้อย”

ครั้นเริ่มมีความชำนาญไม่ว่าจะเป็นพระเครื่องยอดนิยม หรือพระเก่า เซียนท็อป เล่าต่ออีกว่า “เมื่อเราเริ่มมีเงินเก็บสะสมอยู่บ้าง จึงหาเช่าพระเครื่องที่ราคาไม่แพง เปิดตู้เล็กๆ อยู่หน้าร้านเลี่ยมพระ ซื้อมาขายไป พอได้เงินบ้าง หลังจากนั้นได้รับความเมตตาจาก ปู มรดกไทย ให้มาเปิดอยู่ที่ชั้น 3 ชมรมพระเครื่องมรดกไทย ถือว่าผู้ใหญ่ให้โอกาส กิจการร้านเลี่ยมพระและร้านพระเครื่องก็ดำเนินไปได้ด้วยดี เรียกลูกหลานมาช่วยกิจการ เพื่อให้มีรายได้”

เซียนท็อปเล่าต่อว่า นอกจากเปิดร้านให้เช่าวัตถุมงคล ยังได้มีโอกาสช่วยเหลืองานวัดต่างๆ รวมทั้งช่วยจัดสร้างเหรียญมหาปราบ หลวงพ่อสิน วัด ละหารใหญ่ จ.ระยอง, เหรียญคชปักษ์ ดร.พระครูสมุห์หาญ สำนักสงฆ์วัดป่าอาเจียง จ.สุรินทร์, พญาเวนไตยราชปักษี หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต วัดศิลาดอกไม้ จ.เพชรบูรณ์, เหรียญพญานกยูงทอง ครูบาตาน วัดวังมน จ.ลำปาง, เหรียญหลวงพ่อมี วัดโพนทอง จ.สุรินทร์, เหรียญมหาปราบ หลวงปู่แสน วัดบ้านหนองจิก, สร้างเหรียญพระยาปราบ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ จ.พิจิตร และอีกหลายวัด

สำหรับผู้ที่สนใจหรือต้องการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ พบกับ “ท็อป พันธุ์ทิพย์” ได้ที่ ร้าน ท็อป พันธุ์ทิพย์ มีอยู่ 3 สาขา สาขาที่ 1 ที่ห้างพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน ชั้น 3 สาขาที่ 2 ศูนย์พระเครื่อง เอส.ซี.พลาซ่า สายใต้ บริเวณชั้น 3 และสาขาที่ 3 ที่หมู่บ้านพฤกษาวิลล์ 69 ซอยวัดลาดปลาดุก อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตลอดเวลา ยินดีให้ คำปรึกษา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน