หลวงปู่บุญมี อินทเชฏฐโก อดีตพระเกจิชื่อดังร้อยเอ็ด

อริยะโลกที่ 6

โดยเชิด ขันตี ณ พล

หลวงปู่บุญมี อินทเชฏฐโก อดีตพระเกจิชื่อดังร้อยเอ็ด : อริยะโลกที่ 6 – หลวงปู่บุญมี อินทเชฏฐโก” อดีตพระเกจิเรืองวิทยาคมแห่งภาคอีสาน ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นพระเถระที่มุ่งเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ครองตนสมถะเสมอต้นเสมอปลาย

หลวงปู่บุญมี อินทเชฏฐโก

หลวงปู่บุญมี อินทเชฏฐโก

เกิดในสกุล ภูกิ่งทอง เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2426 ที่บ้านคันฮุง ต.คันฮุง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด

วัยเยาว์ มีสติปัญญาเฉียบแหลม เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เร็วกว่าเด็กวัยเดียวกัน รวมทั้งมีจิตใจเอนเอียงเข้าหาพระธรรม เมื่ออายุ 13 ปี บิดา นำไปบวชเป็นสามเณรที่วัดบ้านคันฮุง

มุมานะศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมด้วยความขยันขันแข็งที่วัดบ้านคันฮุง 4 ปี มีความปรารถนาศึกษาพระธรรมวินัยให้ลึกซึ้ง

..2442 ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดปทุมวนาราม อ.ปทุมวัน จ.พระนคร หลังสอบได้นักธรรมชั้นตรี

อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท ณ อุโบสถวัดปทุมวนาราม โดยมีพระปัญญาภิศาลเถร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระธรรมไตรโลกาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่วัดปทุมวนาราม ด้วยความที่เป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด มีชื่อเสียงในการสวดปาฏิโมกข์ สามารถสวดได้แม่นยำและคล่องแคล่ว หลายครั้งที่หลวงปู่บุญมีได้รับฉันทานุญาตให้ไปร่วมสวดในพระบรมมหาราชวังกับพระเถรานุเถระเป็นประจำ

แม้จำพรรษาอยู่วัดในเมืองหลวง แต่ชมชอบความสันโดษ หลังออกพรรษาทุกปีมักจะออกเดินธุดงค์แสวงหาความหลุดพ้น ตามป่าเขาลำเนาไพร ทั่วประเทศ ส่วนมากจะขึ้นมาทางภาคอีสาน

นอกจากนี้ ยังใช้เวลาช่วงเดินธุดงค์หลังออกพรรษาศึกษาวิทยาคมด้วย โดยสันนิษฐานว่าน่าจะศึกษาจากสำนักพระอาจารย์โสภาวดี วัดฟ้าเหลื่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งพระเกจิสายอีสานยุคนั้นมักจะไปเล่าเรียนที่วัดแห่งนี้ทั้งสิ้น

เมื่ออายุมากขึ้น หวนกลับมาจำพรรษาอยู่วัดอีสานบ้านเกิด และมีชื่อเสียงขจรขจายไปหลายจังหวัด ด้วยวิชาแคล้วคลาดคงกระพันและกันบ้านกันเมือง แต่ละวันมีพุทธศาสนิกชนไปเคารพกราบไหว้ ศึกษาไสยเวทจากท่านอย่างเนืองแน่น

สำหรับปัจจัยที่ได้รับ ได้นำไปพัฒนาวัดและสร้างอุโบสถให้กับวัดที่ท่านจำพรรษาอยู่ เมื่อวัดนั้นเจริญรุ่งเรืองท่านจะไปจำพรรษาสร้างความเจริญให้วัดอื่นต่อไป

..2480 ชาวบ้านท่างาม บ้านแก่งโกสุม อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ได้เกิดโรคระบาด ชาวบ้านเจ็บป่วยและเสียชีวิตโดยไร้สาเหตุ ต่างลือกันว่าเป็นการกระทำของผีห่าผีปอบ ชาวบ้านจึงได้ร่วมกันไปนิมนต์หลวงปู่บุญมี ขณะจำพรรษาอยู่วัดท่านางไหม ต.พระลับ จ.ขอนแก่น มาช่วยปัดเป่าทุกข์ภัย โดยทำพิธีกันบ้านกันเมือง ปรากฏว่าเหตุร้ายต่างๆ ได้ยุติลงทันที

ชาวบ้านจึงนิมนต์หลวงปู่ให้จำพรรษาอยู่วัดแก่งโกสุม หลวงปู่จึงได้ออกไปสร้างวัดอยู่ฝั่งบึงยาง ที่ตั้งวัดแก่งโกสุมในปัจจุบัน

ด้วยบารมีหลวงปู่บุญมี ทำให้มีผู้แสวงบุญเดินทางมากราบนมัสการและฟังธรรมจากท่านเป็นจำนวนมาก ทำให้วัดแก่งโกสุมเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว ภายหลังจากที่ท่านสร้างอุโบสถวัดแก่งโกสุมแล้วเสร็จในปี พ..2500 หลวงปู่ย้ายไปจำพรรษาสร้างอุโบสถที่วัดเกาะแก้วโกสุม และสร้างอุโบสถวัดป่าดงรัง (ธรรมยุต)

ส่วนงานปกครองสงฆ์ พ..2486 หลวงปู่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมือง อำเภอโกสุมพิสัย และอำเภอกันทรวิชัย พ..2497 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูเชฏฐคุณาจาร

ล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ด้วยความไม่เที่ยงของสังขาร หลวงปู่มีอาการอาพาธ เลือดไหลออกปากและทวาร

ครั้นเมื่ออาการกำเริบหนักขึ้น จึงนำส่งโรงพยาบาลจังหวัดขอนแก่น วันที่ 27 ..2512 หลวงปู่ได้สิ้นลมด้วยอาการสงบ สิริอายุ 86 ปี พรรษา 66

หลังจากเก็บสังขารไว้จนถึงวันที่ 15 มี..2513 ได้จัดพิธีพระราชทานเพลิง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน