คอลัมน์ ชมรมพระเครื่อง

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน วันนี้เรามาคุยกันถึงเรื่องกฤตยานุภาพของพระเครื่อง ที่ท่านผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง ถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องพระนางพญาพิษณุโลก ผมขอยกเอาเรื่องของการอยู่ยงคงกระพัน เพราะเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดกว่าเรื่องอื่นๆ สักเรื่องหนึ่งครับ

ท่านอาจารย์ตรียัมปวายท่านได้เล่าว่า ครั้งหนึ่งในปีพ.ศ.2488 ท่านได้พบกับ นายตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งก็ชื่นชอบพระเครื่องเหมือนกัน จึงได้สนทนาเกี่ยวกับพระเครื่องและคุยกันถูกคอ จนถึงเกี่ยวกับเรื่องกฤตยานุภาพของพระเครื่องที่นายตำรวจท่านนั้นได้พบเห็นมากับตัวเอง

นายตำรวจท่านนั้นเล่าต่อว่า ในสมัยที่เรียนจบใหม่ๆ และได้มาประจำอยู่ที่สน.ชนะสงคราม ได้รับมอบหมายให้ไปจับตัวนายควาย ผู้ต้องหาก่อเรื่องวิวาททำร้ายร่างกาย ซึ่งตำรวจได้ไปจับตัวแล้วแต่จับไม่ได้ ตาควายต่อสู้ขัดขืน และร้องท้าให้มาจับ สารวัตรจึงมอบหมาย ให้นายตำรวจท่านนั้นนำกำลังไปจับกุมมาให้ได้

ตาควายเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูงผอมเกร็ง ลักษณะคล้ายคนขี้ยา ผิวดำแดง มีอาชีพแจวเรือจ้างอยู่ที่ท่าช้างวังหน้า ในวันที่มีเรื่องนั้นเกิดจากการเล่นหมากรุกพนันกัน และได้ทำร้ายร่างกายชายคนที่เล่นหมากรุกด้วย และได้มาแจ้งความกับสน.ชนะสงคราม

สารวัตรจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปนำตัวมาสอบสวน ตาควายกลับไม่ยอมให้จับกุมและต่อสู้ขัดขืน ควงขวานเข้ามาไล่ฟันเจ้าหน้าที่ ตำรวจอีกนายที่ไปด้วยกันจึงยิงปืนสกัดถูกที่ลำตัวตาควาย แกชะงักและร้องด้วยความเจ็บปวด แต่กระสุนของเจ้าหน้าที่ไม่ได้ระคายผิวหนังของแกแม้แต่น้อย และแจวเรือหนีไปที่แพพักของแก และร้องท้าว่าถ้าเก่งจริงก็ตามมาจับ

ตำรวจที่ไปจับกุมก็กลับมารายงาน สารวัตรจึงมอบหมายให้นายตำรวจท่านนั้นนำกำลังไปจับกุมพร้อมกำลังตำรวจอีก 5 นาย อาวุธครบครัน เช่น ปืนพระราม 6 ปืนพกและดาบปลายปืน พอมาถึงที่แพตาควายก็บอกให้ยอมจำนนแต่โดยดี แต่ตาควายไม่ฟังเสียง และอยู่ในอารมณ์โทสะคล้าย คนเสียสติ ร้องด่าท้าทาย และขยับขวานที่อยู่ในมือตลอดเวลา

นายตำรวจท่านนั้นจึงนำกำลังบุกขึ้นไปบนแพของตาควายเพื่อจับกุมให้ได้ ตาควายก็ต่อสู้ โดดเข้าฟัน แต่ไม่ถูก และได้เกิดพันตูกันอุตลุด แต่ก็ไม่สามารถจับตัวนายควายได้ แกสลัดหลุดไปได้ทุกที แถมยังฟันโต้ตอบตลอดเวลา นายร้อยตำรวจก็ถูกตาควายฟันไปหลายแผล ตัวตาควายก็ถูกแทงด้วยดาบปลายปืนหลายที แต่ไม่สะดุ้งสะเทือน และไล่ฟันตำรวจอย่างสุดเหวี่ยง เจ้าหน้าที่จึงยิงปืนเข้าที่ลำตัว แต่ก็ไม่เป็นไร แถมแอ่นพุงให้ยิงอีก

แกโดนยิงอีก 2 นัด และร้องลั่นอย่างเจ็บปวด แต่กระสุนก็ไม่เข้า ตาควายเริ่มบ้าบิ่นหนักขึ้น ถึงจะโดนปืน โดนดาบปลายปืนของเจ้าหน้าที่อีกหลายครั้งก็ไม่เป็นไร

นายตำรวจท่านนั้นก็โดนขวานตาควายบาดเจ็บไปหลายแผล จนตกลงไปในน้ำ และพวกชาวเรือได้ช่วยไว้ ตำรวจที่ไป ต่างเจ็บตัวไปตามๆ กัน มีตำรวจนายหนึ่งยิงปืนไปที่หัวตาควาย แกล้มคะมำลงนิ่งอยู่พักหนึ่ง ตำรวจทั้งหมดจึงเข้ามาจับจะใส่กุญแจมือ แต่ตาควายรู้สึกตัวเสียก่อน สะบัดหลุดได้อีก และเอาขวานไล่ฟันตำรวจต่อ พอดีมีอาสาสมัครที่ซุ่มอยู่ พอตาควายวิ่งไล่ตำรวจคล้อยหลังมา จึงได้เอาไม้ขาโต๊ะฟาดเข้าที่ท้ายทอยอย่างจัง ตาควายล้มลงหมดสติ ตำรวจจึงนำตัวมาสถานี ตาควายก็น่วมไปทั้งตัว เพราะถูกสหบาทาไปอีกหลายที

แต่ร่างกายของตาควายกลับไม่มีบาดแผลใดๆ นอกจากฟกช้ำดำเขียว ไม่มีเลือดสักหยดเดียว แต่ก็บอบช้ำอย่างสาหัส จนต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลถึง 3 เดือน

ส่วนนายตำรวจผู้เล่าเรื่องนี้ก็ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลถึงเดือนเศษเช่นกัน เพราะถูกฟันไปหลายแผล เมื่อท่านหายดีแล้วก็ไปเยี่ยมตาควาย ตาควายได้สำนึกผิด และกล่าวขอโทษนายตำรวจท่านนั้น บอกว่าตอนนั้นกระทำไปด้วยอำนาจโทสะครอบงำ และยินดีรับโทษทั้งปวง แกบอกกับนายตำรวจท่านนั้นว่า ผมรักน้ำใจคุณ คุณต่อสู้อย่างลูกผู้ชาย แกอยากจะมอบพระเครื่องที่แกติดอยู่ประจำให้ แต่พระเครื่ององค์นั้นได้หายไปตอนที่แกหมดสติ และบอกกับนายตำรวจท่านนั้นว่า เป็นพระเครื่องนางพญา พิษณุโลก พิมพ์สังฆาฏิ ต่อมานายตำรวจท่านนั้นก็ได้พยายามหาพระเครื่องนางพญา พิมพ์สังฆาฏิมาห้อยบูชาตลอดเวลาครับ

ครับก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ท่านผู้ใหญ่พบมา และเล่าให้ฟังเกี่ยวกับกฤตยานุภาพของ พระเครื่อง ซึ่งเป็นเรื่องจริงในอดีต ในวันนี้ผมได้นำรูปพระนางพญาพิมพ์สังฆาฏิ ซึ่งเป็นรูปแทนองค์พระในเรื่องจากหนังสือ สุดยอดพระเบญจภาคี มาให้ชมครับ

ด้วยความจริงใจ

แทน ท่าพระจันทร์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน