คอลัมน์ ข่าวสดพระเครื่อง

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2560 เวลา 16.19 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก จุดเทียนพระกริ่งนเรศวรจักรพรรดิ, เหรียญพญาเต่าทวงหนี้ และเหรียญหลวงพ่อจันทร์ กิตตโสภโณ ที่อุโบสถวัด สำปะซิว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โดยมีพระเกจิอาจารย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

สำหรับพระกริ่งนเรศวรจักรพรรดิ ประกอบพิธีเททองที่พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2557 เข้าพิธีพุทธาภิเษกมานับ 100 พิธี เป็นสุดยอดวัตถุมงคลที่เน้นมวลสารดีพิธีขลัง

วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการหาทุนทรัพย์สร้างตำหนักสมเด็จพระนเรศวร-สมเด็จพระเอกาทศรถ วัดสำปะซิว

วัดสำปะซิว ต.สนามชัย อ.เมือง จ.สุพรรณ บุรี สร้างเมื่อ พ.ศ.1857 ยุคสมัยประวัติศาสตร์ (อยุธยาตอนต้น) ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ.1860 ตามประวัติตำนานที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานต่อๆ กันมาว่า

เดิมสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่กองทัพไทย ในองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หยุดพักรบ เพื่อตรวจสอบบัญชีจำนวนทหารในกองทัพ ว่า มีจำนวนทหารที่สูญหายจากการทำศึกเท่าใด และมีจำนวนทหารเหลืออยู่เท่าใด ซึ่งประชาชนในสมัยนั้นเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “สางบัญชี” จึงตั้งชื่อวัดแห่งนี้ว่า “วัดสางบัญชี”

เนื่องจากสาเหตุอันใดไม่ทราบ ได้ทำให้การเรียกชื่อวัดแห่งนี้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม จากชื่อว่า วัดสางบัญชี เป็น “วัดสำปะซิว” มาจนถึงทุกวันนี้

ท่านสุนทรภู่เดินทางแจวเรือมาสุพรรณบุรี และได้แต่งโครงสี่สุภาพ โครงนิราศเมืองสุพรรณบุรี มีตอนหนึ่งว่า ….

“สำปะทิวงิ้วง้าวสะล้าง กรางไกร

ถิ่นท่าป่ารำไร ไร่ฝ้าย

เจ๊กอยู่หมู่ไทยมอญ ทำถั่วรั้วเอย

ปลูกผักฟักกล้วยกล้าย เกลื่อนทั่วทางจร”

จากโครงนิราศสุพรรณ บุรีนี้ กล่าวได้ว่า ครั้งหนึ่ง วัดแห่งนี้เคยถูกเรียกชื่อว่า “วัดสำปะทิว” แต่เนื่องจากสาเหตุอันใดไม่ทราบทำให้การเรียกชื่อวัดแห่งนี้ ผิดเพี้ยนไปจากเดิม จากชื่อว่า วัดสางบัญชี เป็น วัดสำปะทิว ก่อนที่จะเป็นวัดสำปะซิว มาจนถึงทุกวันนี้

พระมหาอนันต์ กุสลาลังกาโร เจ้าอาวาสวัด สำปะซิว กล่าวว่า ภายในวัดสำปะซิวยังมีการขุดพบ แหล่งโบราณคดี เป็นแหล่งที่ตั้งเตาเผาภาชนะดินเผา (ประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา) ซึ่งเตาเผาอิฐเป็นแบบระบายความร้อนผ่านเฉียงขึ้น ซึ่งสามารถเผาภาชนะดินเผาเนื้อแกร่งแบบเคลือบและแบบไม่เคลือบได้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนทั้ง 2 ฝั่ง สะดวกในการขนส่งวัตถุดิบต่างๆ ทางเรือนับว่าเป็นสินค้าส่งออกลักษณะของดินเกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินที่ถูกการเคลื่อนย้ายพัดพามา จึงทำให้ดินมีคุณภาพดีเหมาะสำหรับในการทำภาชนะดินเผาเคยขุดค้นพบเศษเครื่องสังคโลก และเครื่องถ้วยจีนซึ่งนำมาเป็นตัวอย่างในการผลิตประเภทถ้วยชาม ส่วนหม้อไหมีลักษณะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเอง

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดที่สำคัญ 9 อย่าง คือ 1.หลวงพ่อทองสัมฤทธิ์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ สมัยทวารวดีอายุกว่า 1,000 ปี 2.พระบรมสารีริกธาตุ ที่อดีตเจ้าอาวาสเก็บรักษามากว่าครึ่งทศวรรษ 3.หลวงพ่อสมปรารถนา พระประธานในอุโบสถอายุ 696 ปี ซึ่งเป็นพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์

4.อุโบสถอายุ 696 ปี ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เวสสันดรชาดกที่งดงามยิ่ง โดยเฉพาะภาพฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ 5.พระสีวลี อรหันตสาวก ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นผู้ที่มากด้วยลาภสักการะ

6.น้ำมนต์นพเคราะห์ ซึ่งเป็นน้ำมนต์รวบรวมมาจากวัด และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ แล้วมาประกอบพิธีนพเคราะห์เพื่อความเป็นสิริมงคล และเพิ่มพลังให้เทวาประจำกาย

7.วิหารฐานสำเภาสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ฐานของวิหารโค้งเหมือนเรือ ภายในเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท พระพุทธ ชินราช และพระพุทธรูปหินทราย เก่าแก่จำนวนมาก

8.พระพิฆเนศ เทพแห่งศิลปะ ปางหมอยา อายุกว่า 100 ปี ซึ่งญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาถวายให้วัด

9.พราหมณ์พ่อปู่ชูชก ผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นคู่บารมีของพระเวสสันดรโพธิสัตว์ ในฐานะผู้ขอกับผู้ให้

นอกจากนี้ ยังมีศาลาเรือนแพในแม่น้ำสุพรรณบุรี เป็นสถานที่สร้างทานบารมี และอนุรักษ์พันธุ์ปลา ซึ่งมีปลาขนาดใหญ่หลากชนิด

หากใครเดินทางไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร สุพรรณบุรี อาคารทรงมังกร ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ควรพลาดที่จะเข้ากราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 อย่างที่วัดสำปะซิว ซึ่งห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตรเท่านั้น

เปิดให้กราบไหว้ขอพรทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดและเส้นทางเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-3554-6444, 08-6338-0909

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน