พระราชพรหมาจารย์ วัดใหญ่อินทาราม

คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6

“พระราชพรหมาจารย์” (จำรัส ภัทโท) – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่อินทาราม ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี พระเถระชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่งของเมืองชลบุรี ที่ครองเพศบรรพชิตอย่างสมถะ ปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนา รักษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด

เป็นปูชนียบุคคลที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธามาอย่างยาวนาน

มีนามเดิมว่า จำรัส นุตตานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2443 ที่บ้านเลขที่ 12 หมู่ที่ 2 ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี

ในช่วงวัยเยาว์ จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนพิธยาคม อ.วังกระโจม จ.นครนายก

เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2463 ที่พัทธสีมาวัดท้องคุ้ง ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยมีพระครูวินัยธร เจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์ ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการหลง จันทสโร เจ้าอาวาสวัดท้องคุ้ง เป็นพระกรรม วาจาจารย์ และพระอธิการแดง พุทธสโร เจ้าอาวาสวัดหนองแฟน อ.เมือง จ.ชลบุรี

ศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น พ.ศ.2463 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.2469 สอบได้นักธรรมชั้นโท สำนักเรียน วัดท้องคุ้ง จ.ชลบุรี

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2466 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท้องคุ้ง ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี พ.ศ.2484-2503 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบึงบวรสถิตย์ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอบ้านบึง เป็นพระอุปัชฌาย์ และดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี

พ.ศ.2492 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดใหญ่อินทาราม ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2484 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรที่ พระครูไพโรจน์ภัทรธาดา พ.ศ.2504 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ พระไพโรจน์ภัทรธาดา

พ.ศ.2539 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชพรหมาจารย์

ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดใหญ่อินทาราม พระราชพรหมาจารย์ ได้พิจารณาเห็นว่าวัดใหญ่อินทารามเป็นวัด เก่าแก่ เสนาสนะสิ่งก่อสร้างต่างๆ ชำรุดทรุดโทรม

พระคุณท่านจึงดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์ และทำการก่อสร้างถาวรวัตถุขึ้นใหม่หลายสิ่งทั้งในวัดและนอกวัด ดังปรากฏเป็นรูปธรรม จนวัดใหญ่ฯ มีความเจริญงอกงาม สมบูรณ์ทั้งในด้านการปกครอง การศึกษาเผยแผ่และสาธารณูปการ

พระราชพรหมาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ทั้งฝ่ายบรรพชิตและฝ่ายฆราวาส ในปีหนึ่งๆ พระเดชพระคุณจะทำการบวชพระเป็นร้อยรูป ผู้ที่มีความเคารพนับถือพระคุณท่าน จะยกย่องเรียกท่านว่า “หลวงพ่อ” บ้าง “หลวงปู่” บ้าง

สำหรับคำสอนที่พร่ำเน้นสั่งสอนญาติโยมทั่วไปคือ “ให้ทุกคนทำความดี ละเว้นความชั่ว ให้มีความอดทนอดกลั้น ให้มีความละอายต่อการกระทำชั่ว” ที่เน้นหนักเป็นพิเศษ คือ ให้มีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดาและครูบาอาจารย์

แม้ล่วงเข้าสู่วัยชรา แต่ก็เป็นผู้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความจำที่ดี จะมีอาการปวดเมื่อยบ้างก็เป็นธรรดาของผู้สูงอายุเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ได้เกิดเหตุรุนแรงแก่ท่าน ด้วยในคืนหนึ่งของวันที่ 17 พ.ย.2539 ได้มีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ในกุฏิ และได้บีบคอทำร้าย แม้จะไม่ร้ายแรงมาก แต่ทำให้เสียขวัญตกใจเป็นอย่างมาก ตามมาด้วยโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้น จนมีอาการเจ็บป่วย

จนกระทั่งวันที่ 28 ก.ย.2541มีอาการอาพาธหนัก คณะศิษยานุศิษย์ได้นำท่านเข้ารักษาที่โรงพยาบาลชลบุรี

แม้คณะแพทย์ ได้พยายามรักษาเยียวยาอย่างสุดความสามารถ แต่ท่านมีอายุมากแล้ว ไม่สามารถต้านทานต่อโรคร้ายได้ จึงนำกลับมาที่วัดใหญ่ฯ

วันที่ 26 พ.ย.2541 เวลา 11.35 น. มรณภาพด้วยอาการสงบ ที่กุฏิอินทราศรม วัดใหญ่อินทาราม สิริอายุ 97 ปี พรรษา 78

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน