สรงน้ำพระทอง-พระติ้ว-พระเทียม 3 พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่นครพนม

สรงน้ำพระทอง-พระติ้ว-พระเทียม – วัดโพธิ์ศรี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.เมือง จ.นครพนม สันนิษฐานว่าตั้งขึ้นพร้อมเมืองนครพนม เดิมชื่อวัดโพธิ์ เนื่องจากมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ตรงข้ามวัด จึงได้ตั้งชื่อตาม ต้นโพธิ์ ภายในอุโบสถประดิษฐาน “หลวงพ่อโพธิ์ศรี” เป็นพระพุทธรูปประธาน

พระปริยัติโพธิคุณ เจ้าคณะตำบลในเมือง เขต 2 เป็นเจ้าอาวาสวัด

ข้างอุโบสถมีวิหารหอแก้ว ประดิษฐาน “พระทอง” พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย สกุลช่างล้านช้าง ขนาดหน้าตักกว้าง 9 นิ้ว สร้างเมื่อปี พ.ศ.2066 มีอายุ 496 ปี เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานอยู่ที่วัดบ้านห้อม ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม

ต่อมาเจ้าเมืองนคร พนมในสมัยนั้น อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดโพธิ์ศรี ในปี พ.ศ.2549 ชาวบ้านเห็นว่าพระทองเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และมีค่า จึงร่วมกันสร้างหอไว้ประดิษฐานจวบจนปัจจุบัน ในอดีตเคยอัญเชิญสรงน้ำในวันสงกรานต์ แต่มักจะเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและตกหนักทุกครั้ง

ภายหลังจึงเปลี่ยนให้พระพุทธรูปองค์อื่นมาแทน ซึ่งพระพุทธรูปที่นำมาแทนพระทองมีนามว่า “พระเทียม” ด้วยเหตุที่ว่าหากนำพระพุทธรูปองค์จริงมาสรงน้ำ จะเกิดปรากฏการณ์ท้องฟ้ามืดครึ้มและจะมีพายุฝนตกหนัก

ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ชาวชุมชนวัดโพธิ์ศรีและชาวบ้านห้อม จะร่วมกันอัญเชิญประดิษฐานไว้ที่หน้าอุโบสถและวิหารหอแก้ว ให้ชาวบ้านสรงน้ำ เรียกงานประเพณีนี้ว่า “งานสรงน้ำพระทอง พระเทียม”

วัดโอกาส ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง (ใกล้ตลาดอินโดจีน) อ.เมือง จ.นครพนม สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งเมื่อ พ.ศ.1994 เดิมชื่อว่า วัดพระศรีบัวบานพระเจ้าติ้ว ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดโอกาส และเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณกาล มีพระครูศรีปริยัติการ รอง เจ้าคณะอำเภอเมือง และเจ้าอาวาสวัดโอกาส

ด้านข้างอุโบสถมีหอพระ ประดิษฐานพระติ้ว-พระเทียม อยู่คู่กันเป็นพระแฝด “พระติ้ว” ประดิษฐานอยู่ด้านขวาพระเทียม เป็นพระพุทธรูปปางเพชรมารวิชัย ทำด้วยไม้ติ้วบุด้วยทองคำ หน้าตักกว้าง 30 ซ.ม. สูง 60 ซ.ม. สร้างโดยเจ้าผู้ครองนครศรีโคตรบูรณ์ เมื่อ พ.ศ.1328 มีอายุเก่าแก่ 1,234 ปี เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดธาตุ บ้านสำราญ ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม

ส่วน “พระเทียม” มีลักษณะและขนาดเดียวกันกับพระติ้ว สร้างในสมัยพระเจ้า ขัติยวงศา มีอายุเก่าแก่มากกว่า 1,300 ปี เป็นพระพุทธรูปคู่แฝด ชาวบ้านเรียกติดปากว่า พระติ้ว-พระเทียม

นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม กล่าวว่า ประเพณีสรงน้ำพระทอง-พระเทียม วัดโพธิ์ศรี และพระติ้ว-พระเทียม วัดโอกาส เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวนครพนมมาช้านาน เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป เป็นงานประเพณีที่ชาวนครพนม ได้ยึดถือปฏิบัติมาแต่โบราณกาล

นายนิวัตกล่าวต่อว่า เมื่อถึงวันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันวิสาขบูชา จะมีประชาชน พ่อค้า ข้าราชการ ชาวชุมชนวัดโพธิ์ศรีและชุมชนวัดโอกาส รวมทั้งชาวบ้านห้อมและบ้านสำราญ จะนำดอกไม้ธูปเทียน น้ำอบน้ำหอม มานมัสการและร่วมสรงน้ำ เพื่อความเป็นสิริมงคลและความร่มเย็นเป็นสุข

ในพิธี นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พระราชสิริวัฒน์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครพนม ประธานฝ่ายสงฆ์ พิธีเริ่มเวลา 13.30 น. ที่วัดโพธิ์ศรีก่อน พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ ถวายเครื่องไทยธรรมและอนุโมทนา

พระราชสิริวัฒน์ ทำพิธีขอขมาคารวะพระทอง-พระเทียม ก่อนที่คณะกลองยาวจะนำแห่พระทอง-พระเทียม ต้นเงินต้นทอง และต้นผ้าป่ารอบอุโบสถ 3 รอบ มีพิธีถวายผ้าป่าก่อนเปิดให้สรงน้ำ

ต่อจากนั้นเวลา 15.00 น. คณะกลองยาวแห่นำพุทธศาสนิกชนไปที่วัดโอกาส ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือวัดโพธิ์ศรีไปราว 1 กิโลเมตร เพื่อร่วมพิธีสรงน้ำพระติ้ว-พระเทียม ที่ วัดโอกาส โดยอัญเชิญลงจากหอพระขึ้นเสลี่ยงแห่ออกจากประตูทิศใต้ของวัด ไปตามถนนศรีเทพเลี้ยวผ่านหลังหอนาฬิกา วนมาที่วัดระยะทาง 900 เมตร ท่ามกลางขบวนแห่นางรำมาตลอดเส้นทาง

กระทั่งแห่รอบอุโบสถ 3 รอบ จึงนิมนต์พระภิกษุ-สามเณร สรงน้ำก่อนเปิดให้ประชาชนสรงน้ำตามลำดับ โดยมีพุทธศาสนิกชนมาร่วมงานที่วัดทั้ง 2 แห่ง ดังกล่าวกว่า 1,000 คน

ความเชื่อและความศรัทธาของคนโบราณ เชื่อว่าผู้ใดที่มากราบสักการะ พระศักดิ์สิทธิ์ คู่เมืองทั้ง 2 วัด จะได้พบโอกาสที่ดีในชีวิต สอบเข้าบรรจุและรับราชการสมปรารถนา ค้าขายประกอบกิจการคล่อง ร่ำรวยเงินทอง

หากได้มาสรงน้ำขอพรแล้ว จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว

โดย – ชนะ วสุรักคะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน