อริยะโลกที่6

อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล

นายสนธยา คุณปลื้ม อดีต รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงานวันคล้ายวันมรณภาพ “พระครูวรเวทมุนี” หรือ “หลวงพ่ออี๋ พุทธสโร” พระเกจิชื่อดังแห่งภาคตะวันออก ปีที่ 70 ที่วิหารหลวงพ่ออี๋ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จำนวน 10 รูป ร่วมเจริญพระพุทธมนต์มี พระครูทัศนีย์คุณากร เจ้าคณะอำเภอสัตหีบ และเจ้าอาวาสวัดสัตหีบ, นายนรเสฏฐ์ ศรีตะพัสโส นายอำเภอสัตหีบ, นายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสัตหีบ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลเมืองสัตหีบ ผู้แทนหน่วยงานของกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชมรม สมาคมต่างๆ

งานวันคล้ายวันมรณภาพหลวงพ่ออี๋ ประจำปี 2559 จัดให้มีขึ้นเป็นระยะเวลา 7 วัน 7 คืน ระหว่างวันที่ 24-30 ก.ย. 2559 มีมหรสพให้ชมฟรี พร้อมสินค้าหลากหลายชนิดให้เลือกซื้อมากมาย

วัดสัตหีบหรือที่คนทั่วไปรู้จักกันในนาม “วัด หลวงพ่ออี๋” เนื่องเพราะหลวงพ่ออี๋เป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นโดยตั้งอยู่เลขที่ 333 หมู่ 1 ถนนชายทะเล ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ปัจจุบัน วัดแห่งนี้มีเนื้อที่จำนวน 30 ไร่ 28 ตารางวา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาอุโบสถหลังแรก เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2463

พระครูวรเวทมุนี หรือที่ปรากฏในนามที่รู้จักกันทั่วไปว่า หลวงพ่ออี๋ มีนามเดิมว่า อี๋ ทองขำ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ต.ค. 2408 ที่ ต.สัตหีบ กิ่งอ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายขำ และ นางเอียง ทองขำ

เมื่ออายุ 25 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดอ่างศิลานอก โดยมีพระอาจารย์จั่น จันทโส เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า พุทธสโร

ภายหลังอุปสมบท ได้ศึกษาพระธรรมวินัยและศาสนพิธีในสำนักพระอุปัชฌาย์รวม 6 พรรษา โดยว่าเรื่องพระพุทธมนต์ หรือความแม่นยำในพระปาฏิโมกข์ และต่อมาได้ไปศึกษาวิปัสสนาธุระ ในสำนักของท่านพระครูนิโรธาจารย์ (หลวงพ่อปาน) วัดบางเหี้ย จ.สมุทร ปราการ จนมีความชำนาญในสมถวิปัสสนา จึงได้กลับมาจำพรรษาที่วัดอ่างศิลาอีก

พรรษาที่ 11 ท่านได้กลับมาเยี่ยมญาติที่วัดสัตหีบ และในพรรษานั้นเองท่านได้ร่วมมือกับญาติโยมจัดการย้ายสำนักสงฆ์เดิมที่มีอยู่ที่หัวตลาด มาสร้างที่วัดสัตหีบในปัจจุบัน และญาติโยมได้อาราธนาให้ท่านปกครองวัดสัตหีบ สืบจนสิ้นอายุขัยของท่าน

หลวงพ่ออี๋เป็นพระเถระที่มีศีลาจารวัตรงดงาม มีเมตตาธรรม เป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ให้การสงเคราะห์แก่ผู้เดือดร้อนและผู้ที่เจ็บป่วยไข้ด้วยยาแผนโบราณและเวทมนตร์คาถา

มีตำนานเล่าขานว่า เมื่อครั้งสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพพันธมิตรได้โจมตีฐานทัพเรือสัตหีบ ซึ่งอยู่ในน่านน้ำ อ.สัตหีบ ปรากฏว่าลูกระเบิดที่ทิ้งลงมาไม่ลงมาในพื้นที่สัตหีบแม้แต่ลูกเดียว

มีผู้เห็นว่าขณะที่เกิดสงครามมีการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินอยู่นั้น หลวงพ่ออี๋ได้นั่งบำเพ็ญจิตตภาวนาอยู่กลางแจ้ง อธิษฐานจิต ทำให้ลูกระเบิดจากเครื่องบินกองทัพพันธมิตรที่โจมตีฐานทัพเรือสัตหีบ เที่ยวแล้วเที่ยวเล่าไม่ลงมาในพื้นที่สัตหีบเลยแม้แต่ลูกเดียว

ประชาชนชาวสัตหีบจึงเลื่อมใสศรัทธาในบุญญาธิการของหลวงพ่ออี๋ จนเกิดความเคารพเลื่อมใสศรัทธามาอย่างไม่เสื่อมคลาย

ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ได้สร้างคุณงามความดีไว้ให้กับ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี อย่างมากมาย อาทิ สร้างโรงเรียนประชาบาลบั๊กเส็งขึ้นภายในวัดสัตหีบ ปัจจุบันได้ย้ายไปตั้งอยู่ที่ถนนบ่านนา เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนสัตหีบมาถึงปัจจุบัน

ด้านวัตถุมงคลท่านสร้างไว้ให้เป็นขวัญและกำลังใจของประชาชนไว้แจกทหารเรือหรือเสื้อยันต์ ผ้าพันหมวก ที่ขึ้นชื่อมากที่สุดในบรรดาเครื่องรางของท่าน ได้แก่ ปลัดขิก ที่มีชื่อเสียงในด้านมงคล ทำมาค้าขึ้นที่ผู้คนนิยมเช่าไปบูชากัน

หลวงพ่ออี๋เริ่มอาพาธ ด้วยอาการฝีที่คอตั้งแต่เดือนมีนาคม 2489 ท่านได้เอายาสมุนไพรปิดพอกบ้าง แต่อาการไม่ทุเลา จนโรคฝีได้กำเริบ พอถึง วันที่ 20 ก.ย. 2489 ตรงกับแรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ เวลา 21.05 น. ก็ละสังขารอย่างสงบ สิริอายุ 82 พรรษา 57

จนถึงปัจจุบันชื่อเสียงของท่าน ยังเป็นที่บอกกล่าวเล่าขานสืบกันต่อมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน