หลวงพ่อสม สุชีโว วัดโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง

คอลัมน์ อริยะโลกที่6

หลวงพ่อสม สุชีโว – หรือ พระครูโสภณสิริธรรม อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง ต.คำหยาด อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองอ่างทอง อีกทั้งยังเป็นแพทย์แผนโบราณ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป

มีนามเดิมว่า สม พรหมทอง เกิดเมื่อ วันที่ 10 เม.ย.2473 บิดา-มารดา ชื่อ นายหวลและนางละมาย พรหมทอง เกิดที่บ้านบางลำพูข้างวัดสังเวชวิชยาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ เป็นบุตรชายคนโต

ช่วงเกิดสงครามโลก ทั่วพระนครเกิดภัยพิบัติไปทั่ว จึงอพยพครอบครัวไปตั้งรกรากอยู่ที่อำเภอสรรพยา จ.ชัยนาท

ด้วยความที่นายหวลมีความสนิทสนมกับสมภารวัดที่อยู่ใกล้กับบ้าน คือ หลวงพ่อทรัพย์ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม (วัดตลุก) จึงได้นำบุตรชายไปฝากให้เป็นลูกศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ในกิจการต่างๆ รวมทั้งอบรมสั่งสอนเล่าเรียนวิชาการต่างๆ ทั้งจากหลวงพ่อทรัพย์และโรงเรียนประชาบาลที่อยู่ภายในวัดอินทาราม

ชีวิตในวัยเด็ก มีความขยันหมั่นเพียรในการศึกษา จนจบการศึกษาอันเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน นอกจากวิชาสามัญในโรงเรียนแล้ว หลวงพ่อทรัพย์ยังได้อบรมสั่งสอนวิชาแพทย์แผนโบราณ โดยสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

เนื่องจากหลวงพ่อทรัพย์ เป็นหมอยาไทยที่มีชื่อเสียง จะมีผู้คนมาให้ท่านรักษากันมาก จึงมีหน้าที่ช่วยปรุงยาไทยให้ตามใบกำกับยาที่ส่งให้

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ได้สั่งสมความรู้ทางแพทย์แผนโบราณอย่างดี จนเป็นที่ชมเชยของหลวงพ่อทรัพย์ตลอดมา

เมื่ออายุ 17 ปี เข้าพิธีบรรพชา เข้าศึกษาเรียนพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท

หลวงพ่อสม สุชีโว

ครั้นต่อมาลาสึก เมื่ออายุ 19 ปี ด้วยเหตุที่บิดามารดามีอายุชราภาพมากขึ้น จำต้องออกมาช่วยงานหาเลี้ยงครอบครัว คือ การควบคุมเรือบรรทุกสินค้าล่องมาค้าขายที่กรุงเทพฯ

จนเมื่ออายุ 24 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มิ.ย.2496 ที่พัทธสีมาวัดอินทาราม โดยมีพระครูธรรมวิริยโสภณ (ทรัพย์) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระสมุห์สนิท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เส็ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายาว่า สุชีโว มีความหมายว่า “ผู้มีชีวิตอันงาม”

ศึกษาหนังสือนวโกวาท หนังสือธรรมวิภาค อันเป็นหลักสูตรนักธรรมตรี-นักธรรมโท ที่ได้เคยศึกษาเล่าเรียน เมื่อครั้งที่บวชเป็นสามเณรมาทบทวนจนเป็นที่เข้าใจดี และสมัครสอบนักธรรมชั้นเอก เมื่อปี พ.ศ.2503 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอกในปีนั้น

ครั้นหมดภาระทางการศึกษาพระปริยัติธรรม จึงหันไปศึกษาตำราแพทย์แผนโบราณต่อจากที่เคยได้ศึกษาจากหลวงพ่อทรัพย์ โดยศึกษาอย่างจริงจัง

จนได้รับนิมนต์ให้ไปบรรยายวิชาแพทย์แผนโบราณกับหน่วยงานของทางราชการ หน่วยงานเอกชน

ยามว่างงานด้านการรักษาโรค ก็ศึกษาข้อกัมมัฏฐานและหมั่นเพียรปฏิบัติสมาธิกัมมัฏฐานอย่างเอาจริงเอาจัง

นอกจากนี้ หลวงพ่อสมได้ไปศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติมกับน้าแท้ๆ ของท่าน คือ หลวงน้าเก็บหรือหลวงพ่อเก็บ แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท

สำหรับหลวงพ่อเก็บนั้นเป็นลูกศิษย์ของ หลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า

เมื่อได้มาอยู่กับหลวงน้าของท่านที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้ตั้งใจศึกษาวิทยาคมสาย หลวงปู่ศุขอย่างจริงจัง จนมีความสำเร็จ ส่งผลให้วัตถุมงคลที่ท่านร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิต มีความเข้มขลัง ได้รับการยอมรับจากบรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องเป็นอย่างยิ่ง

พ.ศ.2525 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ต่อมา ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทที่ พระครูโสภณสิริธรรม

พ.ศ.2549 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะอำเภอโพธิ์ทอง

หลวงพ่อสมมีชื่อเสียงเกียรติคุณในด้านการจัดสร้างพระผงตามแบบโบราณ จนได้รับความนิยมจากบรรดานักนิยมสะสมวัตถุมงคล

ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง หลวงพ่อสมมรณภาพอย่างสงบ เมื่อเวลา 01.15 น. วันที่ 10 มิ.ย.2557

สิริอายุ 85 ปี พรรษา 61

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน