หลวงปู่พวง ธัมมสาโร วัดเทพนรสิงห์ จ.บุรีรัมย์

คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6

หลวงปู่พวง ธัมมสาโร วัดเทพนรสิงห์ บ้านโคกตาสิงห์ .สวายจีก .เมือง .บุรีรัมย์ เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่ง ดินแดนถิ่นภูเขาไฟ ที่คณะศิษยานุศิษย์เลื่อมใสศรัทธายิ่ง

เป็นพระเถระที่ปฏิบัติเคร่งครัดในพระธรรมวินัย และมีความเชี่ยวชาญในการใช้สมุนไพรไทยบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ให้กับชาวบ้านในชุมชน ปัจจุบัน สิริอายุ 88 ปี พรรษา 45

เกิดในสกุล เกริงรัมย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 10 .. 2474 ที่บ้านโคกตาสิงห์ .สวายจีก .เมือง .บุรีรัมย์ บิดามารดาชื่อนายมั่น และนางบุญ เกริงรัมย์ ครอบครัวประกอบอาชีพปักดำทำนาปลูกข้าวและรับจ้าง

วัยเยาว์เป็นกำพร้าสูญเสียมารดา จบการศึกษาชั้น .4 ที่โรงเรียนวัดบ้านสวายจีก สายเลือดไทยโคราช พูดได้หลายภาษา เช่น เขมร ลาว ส่วย

หลวงปู่พวง ธัมมสาโร

ครั้นเริ่มย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น มีอุปนิสัยค่อนข้างนักเลง บิดาเกิดความเป็นห่วงบุตรชาย เกรงว่าจะเสียผู้เสียคน จึงนำไปฝาก เจ้าอาวาสวัดสนวนใน .สวายจีก เพื่อบวชเรียนเป็นสามเณร

มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม เรียนจบนักธรรมชั้นโท แต่บวชเรียนได้เพียงแค่ 3 พรรษา ต่อมาโยมบิดาล้มป่วย ไม่มีใครดูแลปฐมพยาบาล จึงจำต้องลาสิกขา เพื่อช่วยงานเก็บเกี่ยวข้าวและดูแลบิดาในช่วงบั้นปลายชีวิต

อายุ 20 ปี เป็นนักเลงใหญ่ มีเพื่อนร่วมรุ่นชื่อดังหลายคน อาทิ เสือคง เสือวาง เสือเบง และเสือช่วย ทำให้ใช้ชีวิตนักเลงไปวันๆ ก่อนได้ไปพบรักกับนางนิ่ม อินรัมย์ แต่งงานมีบุตรชาย 5 คน หญิง 3 คน

ต่อมาครอบครัวย้ายถิ่นฐานไปประกอบอาชีพรับจ้างที่จ.ปราจีนบุรี จนเมื่อเวลาล่วงเลยไป บุตรทั้งหมดได้เติบโตบรรลุนิติภาวะ มีครอบครัว มีอาชีพ การงาน ทำให้นายพวงเริ่มเบื่อหน่ายชีวิตทางโลก

..2524 เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ให้ที่วัดประทุมสราราม .ลาดตะเคียน .ปราจีนบุรี โดยมี เจ้าอธิการเจริญ กิตติ โสภโณ เป็นพระอุปัชฌาย์

หลังอุปสมบท ท่านสมัครใจไปจาริกแสวงบุญในพื้นที่ .ปัตตานี เกิดความประทับใจ ชาวไทยพุทธแดนใต้ จากนั้นย้อนขึ้นไปจาริก เลาะตะเข็บแนวชายแดนไทยพม่า ได้พบ พระอาจารย์ปล้อง อโสโก วัดป่าเจริญผล .สวาย .เมือง .สุรินทร์ ที่จ.เชียงใหม่ พระเกจิชื่อดังที่มีความเชี่ยวชาญด้านลงยันต์ จึงขอฝากตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนสรรพวิชา

จากนั้นไปจาริกในพื้นที่เทือกเขา .ลับแล .อุตรดิตถ์ ได้พบหลวงพ่อดำ วัดท่าทอง พร้อมถวายตัวเป็นลูกศิษย์ ได้รับตำราพระเวทย์ 1 ชุด พร้อมวิชาลงอักขระ เขียนยันต์ต่างๆ เพื่อไว้ป้องกันตัว

ช่วงที่ไปจาริกในพื้นที่แนวตะเข็บชาย แดนไทยกัมพูชา .กาบเชิง .สุรินทร์ ท่านย่ำเท้าเดินผ่านดงทุ่นระเบิดนานาชนิดได้อย่างปลอดภัย หน่วยทหารพรานจึงเข้าไปกราบนมัสการและขอวัตถุมงคลจากหลวงปู่พวง เพื่อให้รอดพ้นปลอดภัยจากทุ่นระเบิด

..2527 หลวงปู่พวงได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญเกิด .กบินทร์บุรี .ปราจีนบุรี

..2530 เดินทางกลับภูมิลำเนา .บุรีรัมย์ ผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านนิมนต์หลวงปู่พวงให้ช่วยสร้างวัดในพื้นที่ป่าช้า บ้านโคกตาสิงห์ เนื้อที่ 12 ไร่ สร้างกุฏิหลังเล็ก สำหรับปฏิบัติธรรม สร้างกุฏิพักสงฆ์ ศาลาการเปรียญ และสร้างอุโบสถ จนกลายเป็นวัดเทพนรสิงห์ บ้านโคกตาสิงห์ ตราบจนถึงทุกวันนี้

หลวงปู่พวง เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวอีสานและชาวกัมพูชาแถบชายแดนเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก ด้วยท่านเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมแก่บรรดาคณะศิษยานุศิษย์และสาธุชนทั่วไปที่เข้ามา กราบนมัสการ รวมทั้งเข้ารับการรักษา ยามได้รับกิจนิมนต์ไปงานบุญต่างๆ ท่านไม่เคยปฏิเสธ แม้ว่าท่านจะย่างอายุเข้าสู่วัยชรา ด้วยท่านถือว่าเป็นกิจของสงฆ์ที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

อีกทั้ง เมื่อท่านรับกิจนิมนต์แล้วท่านจะต้องเดินทางไปถึงสถานที่งานก่อนเป็นประจำ

การกราบเข้าพบหลวงปู่ไม่มีพิธีรีตองหรือการเลือกชนชั้นวรรณะแต่อย่างใด จึงทำให้ท่านมีเวลาพักผ่อนน้อยมาก แต่ละวันจะมีชาวบ้านที่ศรัทธามากราบขอพรขอความเมตตาให้ท่านประพรมน้ำพระพุทธมนต์ รวมทั้งนำพาคนป่วยไปให้ท่านบำบัดรักษา เมื่อรักษาหาย หลายคนถึงกับขออุปสมบทและบวชชี ฝึกปฏิบัติธรรมด้วย

ส่วนงานกิจนิมนต์ในพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ท่านต้องเดินทาง เข้าร่วมพิธีเสมอ แม้นจะไกลหรือจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ท่านก็มีความสุขที่ได้ปฏิบัติเช่นนั้น

เกียรติคุณบารมี ทำให้หลวงปู่พวงได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าของจังหวัดบุรีรัมย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน