ย้อนคอลัมน์ พระเครื่องคนดัง

เมื่อช่วงต้นปี 2555 โต๊ะพระเครื่องข่าวสด ได้มีโอกาส สัมภาษณ์ พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ในขณะนั้นดำรงค์ตำแหน่ง สว.สส. สน.ชนะสงคราม ซึ่งเป็นนายตำรวจที่ชื่นชอบสะสมพระเครื่องสายวัดชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ

พ.ต.ท.สมยศ บอกเล่ารำลึกความหลัง ว่า “ผมมาอยู่ในพื้นที่ สน.ชนะสงคราม ในพื้นที่นั้นอยู่ใกล้วัดชนะสงคราม ซึ่งเป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยผมฝากตัวเป็นศิษย์กับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสสโร) อดีตเจ้าอาวาส”

วัดชนะสงครามกับสถานีตำรวจอยู่ตรงข้ามกัน ยามเมื่อ พ.ต.ท.สมยศ ว่างจากภารกิจการงาน มีโอกาสหยุดพัก จะไม่รีรอเข้าไปกราบไหว้พระประธานและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดชนะสงครามอยู่เป็นประจำ ทำให้ได้มีโอกาสศึกษาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวัตถุมงคลพระเครื่องวัดชนะสงคราม และได้บูชาแขวนติดตัวอยู่เป็นประจำ

3

องค์แรกเป็น พระปิดตากรุ วัดชนะสงคราม ซึ่ง พ.ต.ท.สมยศ ได้ศึกษาประวัติอันงดงามทางประวัติศาสตร์ เป็นพระที่สร้างมากว่า 200 ปี หรือสมัยรัชกาลที่ 1 โดยกรมพระราชวังบวรสุรสิงหนาถ แม่ทัพซึ่งนำทัพชนะสงครามเก้าทัพในสมัยนั้น เมื่อได้นำติดตัวทุกวันทำให้มีความมั่นใจในการทำงาน โดยเฉพาะอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มีหน้าที่ป้องกันและปราบปรามคนไม่ดีในสังคม บางครั้งการเข้าจับกุมคนร้ายอาจมีการต่อสู้ขัดขืนการจับกุม ความมั่นใจในพุทธคุณของพระที่ติดตัวอยู่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท มั่นใจ และแคล้วคลาดในการทำหน้าที่ทุกครั้ง

2

ส่วนองค์ที่สอง เป็น พระชัยวัฒน์ วัดชนะสงคราม ปี 2484 จากการศึกษาประวัติ การจัดสร้าง เป็นการสร้างเพื่อมอบให้ทหาร ไทยที่ไปร่วมรบในสงครามอินโดจีน โดยหลวงพ่อลับ หรือ พระสุเมธมุณี เจ้าอาวาส เป็นพระหล่อแบบยุคเก่าที่สมบูรณ์เพียบพร้อมด้วยพิธีกรรมงานสร้างอย่างถูกต้องตามตำรา โดยทางวัดได้รวบรวมแผ่นทองลงอักขระยันต์และตะกรุดจากบรรดาพระเกจิอาจารย์ทั่ว ประเทศ นำมาหลอมเป็นมวลโลหะศักดิ์สิทธิ์ในเนื้อพระชัยวัฒน์ ปรากฏว่าแผ่นทองและตะกรุดไม่หลอมละลายในเบ้าหลอมจำนวนนับสิบๆ แผ่น กว่าที่ตะกรุดและแผ่นทองจะหลอมละลายได้ ต้องนิมนต์พระเกจิอาจารย์ร่วมกันเพ่งกระแสจิตกำกับในพิธีหลายรูป

พ.ต.ท.สมยศบอกว่า “พระเครื่องทั้ง 2 องค์นี้ผมได้แขวนห้อยคอติดตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งผมเคยมีประสบการณ์เมื่อปี 2553 มีคดีฆ่า 3 ศพ ซึ่งคนร้ายมีประวัติอาชญากรรมที่ไม่ธรรมดา ถึงขนาดลงมือฆ่าได้ถึง 3 ชีวิต ผมและเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนหาข่าว จนพบว่าคนร้ายแอบไปเช่าคอนโดฯ หรูใน จ.ชลบุรี จึงรีบขับรถมาจากกรุงเทพฯ เพื่อเข้าจับกุม จนกระทั่งผมได้ปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟอาหาร ตอนนั้นได้อาราธนาขอให้พระที่ตนติดตัวไปทั้ง 2 องค์ คุณพ่อคุณแม่ช่วยให้ภารกิจนี้ผ่านไปได้ด้วยดีโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ”

ครั้นคนร้ายเปิดประตูห้องออกมา ผมและเจ้าหน้าที่บุกเข้าประชิดตัวสามารถเข้าจับกุมได้อย่างปลอดภัย สอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า “ปืนผมอยู่ที่เอวอยู่แล้ว ผิดสังเกตอยู่เหมือนกัน เพราะปกติเด็กส่งอาหารจะต้องเป็นผู้หญิง ด้วยความที่คนร้ายกำลังหลบหนีตำรวจจากการจับกุม แต่เป็นอย่างไรไม่รู้ เกิดไม่อยากยิงและเปิดประตูจนถูกจับกุม” เป็นคำสารภาพของ คนร้าย ทำให้ พ.ต.ท.สมยศ รู้ถึงพุทธคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ท้ายที่สุด พ.ต.ท.สมยศกล่าวว่า “การมีพระเครื่องราคาเป็นแสน เป็นล้าน หรือเป็นพระกรุ พระเก่า ไว้บูชาไม่ได้แสดงว่าเป็นคนที่วิเศษกว่าคนอื่น แต่มีไว้เพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นเครื่องเตือนสติในการดำเนินชีวิต ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตามคำพระท่านสอน ยังคงใช้ได้ในปัจจุบันนี้”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน