วิปัสสนาฯเฉลิมพระเกียรติ

วิทยาลัยสงฆ์มหาสารคาม

วิปัสสนาฯเฉลิมพระเกียรติ – เมื่อเร็วๆ นี้ วิทยาลัยสงฆ์มหาสารคาม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต.คันธารราษฎร์ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม จัดโครงการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี ประจำปีการศึกษา 2562

วิปัสสนาฯเฉลิมพระเกียรติ

พิธีเปิดโครงการจัดขึ้นภายในหอประชุมอเนกประสงค์ วิทยาลัยสงฆ์มหาสารคาม โดยมีคณะผู้บริหาร คณาจารย์และเจ้าหน้าที่ วิทยาลัยสงฆ์มหาสารคาม จำนวน 26 รูป/คน นิสิตผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 342 รูป/คน โดยแบ่งเป็นนิสิตบรรพชิต จำนวน 290 รูป นิสิตคฤหัสถ์ จำนวน 34 คน รวมจำนวนทั้งสิ้น 350 รูป /คน

พระเทพสิทธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม ประธานคณะกรรมการประจำวิทยาลัยสงฆ์มหาสารคาม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์, นายชูชาติ ราชจันทร์ ผอ.สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม ประธานฝ่ายฆราวาส

วิปัสสนาฯเฉลิมพระเกียรติ

นอกจากนี้ ยังมีข้าราชการผู้ใหญ่เข้าร่วม อาทิ นายนันทวิทย์ นาคแสง นายอำเภอกันทรวิชัย, นายอำพร กุดแถลง นักวิชาการชำนาญการพิเศษ รักษาการ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมหาสารคาม เป็นต้น และพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีจำนวนมาก

หลังพิธีเปิดโครงการ ผู้ร่วมโครงการแยกย้ายไปปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ตามศูนย์ปฏิบัติธรรมที่จัดไว้รวม 4 ศูนย์ ประกอบไปด้วย

1.ศูนย์ปฏิบัติธรรม วิทยาลัยสงฆ์มหาสารคาม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต.คันธารราษฎร์ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม นิสิตทั้งหมดจำนวน 149 รูป 2.ศูนย์ปฏิบัติธรรมสายธรรมยาตรา เส้นทาง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม นิสิตทั้งหมดจำนวน 56 รูป/คน

วิปัสสนาฯเฉลิมพระเกียรติ วิปัสสนาฯเฉลิมพระเกียรติ

3.ศูนย์ปฏิบัติธรรมสายธรรมยาตรา เส้นทาง อ.นาเชือก นาดูน บรบือ จ.มหาสารคาม นิสิตทั้งหมดจำนวน 39 รูป และ 4.ศูนย์ปฏิบัติธรรมสายธรรมยาตรา เส้นทาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม นิสิตทั้งหมดจำนวน 80 รูป /คน

พระเทพสิทธาจารย์ กล่าวให้โอวาทนิสิตที่ร่วมโครงการตอนหนึ่งว่า “การไปวิปัสสนากัมมัฏฐานจะต้องไปด้วยความมุ่งมั่นเพื่อเทิดทูนพระพุทธศาสนา หากเรามีความประพฤติที่ดีงามปีต่อไป เมื่อเรากลับไปปฏิบัติธรรมที่เดิมอีก ญาติโยมก็จะยังคงให้ความอนุเคราะห์ ทำบุญตักบาตรให้เราอีก ยังความเลื่อมใสศรัทธาเหมือนเดิม

แต่หากมีการตำหนิ ก็จะรู้เพราะญาติโยมจะแจ้งมาโดยตลอด อีกทั้งเมื่อเราตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เป็นพุทธบุตรขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจะต้องศึกษาพระธรรมวินัย รวมทั้งการวิปัสสนากัมมัฏฐานจะอยู่นิ่ง กินนอนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ต้องรู้จักพัฒนาตนเอง”

วิปัสสนาฯเฉลิมพระเกียรติ วิปัสสนาฯเฉลิมพระเกียรติ

“นอกจากนี้ในยุคสังคมปัจจุบันพระสงฆ์ต้องมีการศึกษาทางโลก และทางธรรมด้วยเพื่อที่พระจะได้มีความรู้ไปสั่งสอนอบรมญาติโยมได้ ประกอบกับมหาสารคาม ได้ชื่อว่าเมืองตักสิลาอีสาน ยิ่งทำให้วงการสงฆ์จะต้องเป็นผู้มีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมควบคู่ไปด้วย นี่คือแรงใจที่ทำให้ตนและคณะสงฆ์ได้ร่วมกันกับทุกภาคส่วนผลักดันจนเกิดวิทยาลัยสงฆ์ขึ้นเป็นผลสำเร็จ

เมื่อถึงวันนี้ มั่นใจแล้วว่าการศึกษาสงฆ์ในเมืองมหาสารคาม มีความมั่นคงแล้ว ส่วนการศึกษาอบรมด้านการ วิปัสสนากัมมัฏฐาน ก็ต้องศึกษาควบคู่ไปด้วย เพราะเมื่อเราไปปฏิบัติแล้ว เมื่อค้นพบสิ่งที่ดีก็ต้องนำมาบอกกล่าวแนะนำแก่ญาติโยมให้ประพฤติ ปฏิบัติตาม”

วิปัสสนาฯเฉลิมพระเกียรติ

ด้านพระครูสารกิจประยุต เจ้าคณะอำเภอเมืองมหาสารคาม กล่าวว่า “การพานิสิตเข้าปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน เพื่อให้เป็นผู้มีประสบการณ์จริงเชิงประจักษ์รบกับกิเลสของตน และรู้จักนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ รวมทั้งเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา มีการแบ่งพระนิสิตออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งอยู่ในวิทยาลัย อีกส่วนหนึ่งไปตามศูนย์ปฏิบัติธรรมที่กำหนดไว้

ถึงจะเป็นธรรมยาตราแบบครั้งคราว แต่ก็น่าจะเกิดประโยชน์ต่อตัวนิสิตมากพอสมควร สำคัญที่สุดการออกธรรมยาตราครั้งนี้ไปในนามของนิสิตวิทยาลัยสงฆ์ เป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมและชื่อเสียงให้กับวิทยาลัยสงฆ์ว่าขณะนี้มหาสารคามมีวิทยาลัยสงฆ์เกิดขึ้นถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

ไม่ใช่เพียงพระสงฆ์เท่านั้นที่จะมาเรียนได้ ฆราวาสก็มาเรียนได้เช่นกัน สำหรับนิสิตที่ร่วมโครงการนี้ ต้องสำนึกเสมอว่าเราแบกรับในนามของวิทยาลัยสงฆ์มหาสารคาม วัตรปฏิบัติต้องงดงาม มีระเบียบเรียบร้อย ทั้งกาย วาจา ใจ เพื่อจะเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของญาติโยม”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน