หลวงปู่ผอง อุชุจาโร วัดป่าแสงธรรม สกลนคร : มงคลข่าวสด

“หลวงปู่ผอง อุชุจาโร” วัดป่าแสงธรรม อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร พระเกจิที่มีวัตรปฏิบัติสมถะเรียบง่าย เสมอต้นเสมอปลาย มีวิทยาคมที่เข้มขลัง ได้รับความเลื่อมใสศรัทธา

ปัจจุบัน สิริอายุ 87 ปี พรรษา 39

เกิดเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2476 ที่ ต.บงใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร บิดา-มารดา ชื่อ นายกอง และนางแถน สายบัว ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา

หลังจบการศึกษาระดับประถมศึกษา ชั้น ป.4 จากโรงเรียนในหมู่บ้านแล้ว ออกมาช่วยงานครอบครัวด้วยความขยันขันแข็ง

ช่วงวัยหนุ่ม นุ่งขาวห่มขาวปฏิบัติธรรมอุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.อุดรธานี (ขณะนั้น จ.หนองบัว ลำภู ยังเป็นอำเภอหนึ่งของ จ.อุดรธานี) นานหลายปี

สำหรับหลวงปู่ขาว เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน เมื่อ 50 กว่าปีที่ผ่านมา เมตตาอบรมสั่งสอนการปฏิบัติธรรมตามแนวทางสายพระป่าให้จนเชี่ยวชาญกัมมัฏฐาน

นอกจากนี้ ยังมีศักดิ์เป็นหลานเพราะเป็นญาติกับมารดาของหลวงปู่ขาว

ต่อมาเดินทางกลับมา จ.สกลนคร บ้านเกิดใช้ชีวิตตามวิสัยฆราวาส จนถึงปี พ.ศ.2524 ด้วยความเลื่อมใส อันแรงกล้าในพระพุทธศาสนา จึงตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เข้าพิธีอุปสมบท ที่อุโบสถวัดพิศาล รัญญาวาส ต.หนองบัว อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี โดยมี พระครูศรีธรรมคุณาราช เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูวิเศษฎ์ ธรรมาภรณ์ เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระทวีศักดิ์ ศรีธัมโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายา “อุชุจาโร” แปลว่าผู้ประพฤติเที่ยงตรง

หลังอุปสมบท เดินทางมาจำพรรษาปฏิบัติธรรมภาวนาอยู่กับหลวงปู่ขาว ที่วัดถ้ำกลองเพล 1 พรรษา เมื่อออกพรรษา ได้กราบลาหลวงปู่ขาว ผู้เป็นพระอาจารย์ออกวิเวกตามป่าเขา

ด้วยเห็นว่าสังขารนั้นไม่เที่ยง ตราบที่ธาตุขันธ์ยังดีอยู่ จึงออกจาริกแสวงหาโมกขธรรม ตามป่าเขาหลายแห่งในภาคอีสาน โดยเฉพาะเทือกเขาภูพาน

ครั้งหนึ่งขณะเดินธุดงค์อยู่ในป่าเขา มีโอกาสพบกับหลวงปู่จันทา ถาวโร พระป่าสายปฏิบัติชื่อดังของภาคอีสานอีกรูปหนึ่ง จึงได้ร่วมธุดงค์เดินเท้าเปล่าจนถึง อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ครั้งนั้นได้ปักกลดภาวนากันที่ป่าช้า ซึ่งเป็นที่ฝังศพคนตายโหง บรรยากาศภายในป่าช้าแห่งนี้ มีแต่ความวังเวงน่าสะพรึงกลัว แต่สิ่งหนึ่งที่หลวงปู่ผองสัมผัสได้ คือ ความเงียบสงบเงียบเหมาะแก่การปฏิบัติกัมมัฏฐานยิ่งนัก

ขณะปักกลดอยู่ในป่าช้าแห่งนี้ได้พบกับหลวงปู่ลี ถาวโร พระกัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จึงเกิดความศรัทธา ได้กราบขอคำชี้แนะกัมมัฏฐานกับหลวงปู่ลี ซึ่งหลวงปู่ลี ได้ให้ความเมตตาอบรมสั่งสอนการปฏิบัติธรรม แนวทางที่ถูกต้อง หลวงปู่ลี จึงเป็นครูบาอาจารย์ อีกรูปหนึ่งของท่าน

จากนั้น ออกธุดงค์วิเวกตามป่าเขา ตามเส้นลำน้ำโขง และมีโอกาสฝึกฝนกัมมัฏฐานกับพระเกจิสายหลวงปู่มั่นหลายรูป รวมทั้งเคยฝึกกัมมัฏฐานกับหลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป วัดป่าปทีปปุญญาราม จ.สกลนคร พร้อมกับน้อมนำธรรมะคำสั่งสอนแห่งครูบาอาจารย์เป็นที่ตั้งมั่นการภาวนา

ครองตนด้วยความสมถะ เรียบง่าย เจริญกัมมัฏฐานทั้งเช้าและเย็น หลังจากใช้ชีวิตบำเพ็ญภาวนาอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพรหลายแห่งของภาคอีสาน นานหลายสิบพรรษา จนย่างเข้าช่วงปัจฉิมวัย จึงเดินทางกลับ จ.สกลนคร บ้านเกิด

ด้วยวัตรปฏิบัติดี ทำให้เริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง บรรดาญาติโยมชาวบ้านดงยาง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร กราบนิมนต์ให้มาจำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ที่ป่ารกร้างใกล้หมู่บ้าน ปัจจุบัน คือ วัดป่าแสงธรรม และร่วมแรงร่วมใจกับชาวบ้านพัฒนาสถานที่แห่งนี้ จนได้รับการยกฐานะจากที่พักสงฆ์ขึ้นเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ในแต่ละวัน มีพุทธศาสนิกชนเข้ามากราบนมัสการรับฟังธรรมจากหลวงปู่อย่างไม่ขาดสาย ซึ่งท่านให้ความอนุเคราะห์ปัดเป่าความทุกข์ให้กับญาติโยมที่มาหาทั้งสวดเจริญพระพุทธมนต์ ประพรมน้ำพระพุทธมนต์

สำหรับหัวข้อธรรมที่พร่ำสอนมาตลอดเพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต คือ การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท และให้ยึดศีล 5 ไว้เป็นหลัก

เป็นพระสายปฏิบัติอีกรูปที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน