พระครูมงคลวรคุณ วัดบ้านหนองคลอง : อริยะโลกที่ 6

วันอาทิตย์ที่ 1 มี.ค.2563 น้อมรำลึกครบรอบ 111 ปี ชาตกาล “พระครูมงคลวรคุณ” หรือ “หลวงปู่สม ปุญญาชโร” อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านหนองคลอง ต.บ้านหวาย อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม พระเถระที่น่าเลื่อมใสยกย่องและอยู่ในศรัทธา ของพุทธศาสนิกชนชาวมหาสารคามมา โดยตลอด

มีนามเดิม สม เศษรินทร์ เกิดเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2452 ที่บ้านเปลือย ต.หนองคู อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ครอบครัวมีอาชีพทำไร่ทำนาเหมือนกับชาวอีสานทั่วไป เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดบ้านเปลือย จากนั้นได้ออกมาช่วยงานครอบครัวทำไร่ทำนา

ช่วงชีวิตวัยเยาว์ ค่อนข้างอาภัพ เพราะบิดา-มารดาของท่าน เสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกัน ตัวท่านและพี่ชาย รวมทั้งน้องสาวอีกสองคนที่ยังเล็กอยู่ ต้องไปอยู่ในอุปการะของลุงและป้า ซึ่งเป็นภาระหนักมาก เพราะลุงกับป้าก็มีบุตรที่ต้องเลี้ยงดูรับผิดชอบอยู่แล้วถึง 8 คน เมื่อรวมกัน ก็เป็น 12 คน ถึงฐานะจะยากจนแต่ลุงกับป้าก็ให้ความรักความเอ็นดูเป็นอย่างดี

เมื่ออายุย่างเข้าวัยหนุ่ม ออกรับจ้างทำงานสารพัดหาเลี้ยงน้อง และตอบแทนพระคุณป้ากับลุง ที่ให้ชีวิตอุปการะเลี้ยงดูจนเติบใหญ่

จนเมื่ออายุได้ 30 ปี ตัดสินใจเข้าพิธีอุปสมบท ในปี พ.ศ.2482 ณ สิมน้ำบ้านหนองคลอง ต.หนองคู อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม

จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านหนองคลอง ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย จนแตกฉาน ในเวลาอันรวดเร็วจนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ และด้วยความที่เป็นผู้ใฝ่การศึกษาท่านยังเรียนอักขระขอม และอักขระตัวธรรม รวมทั้งศึกษาไสยเวทจากพระอาจารย์บุญมา ธมฺมวโร เจ้าอาวาสวัดหนองคลองในขณะนั้น จนมีความเชี่ยวชาญในการอ่านเขียน

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้รักสงบ ชมชอบการปฏิบัติกรรมฐานและเดินธุดงค์ไปยังป่าเขาหลายแห่งในภาคอีสาน เพื่อแสวงหาความวิเวกปฏิบัติธรรมหาทางพ้นทุกข์ตามรอยองค์พระตถาคต ถือเป็นวัตรปฏิบัติที่หลวงปู่ทำติดต่อกันเสมอต้นเสมอปลายจนตราบสิ้นอายุขัย

ในปี พ.ศ.2504 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองคลอง ตลอดเวลาในฐานะเป็นผู้ปกครองวัด พยายามพัฒนาศาสนสถานภายในวัดจนมีครบหมด อุโบสถ ศาลาการเปรียญ ฌาปนสถาน ศาลาธรรมสังเวช ฯลฯ

ด้วยความที่เกิดในครอบครัวที่ยากไร้ เห็นความยากลำบากของลูกหลานชาวบ้านที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเพราะอยู่ห่างไกลตัวอำเภอ จึงจัดตั้งโรงเรียนสอนปริยัติธรรมขึ้นในวัดบ้านหนองคลอง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกหลานชาวบ้านคนยากคนจน

อีกทั้งยังเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนสร้างศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด ส่วนงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาก็อุทิศตนปฏิบัติหน้าที่เทศนาอบรมสั่งสอนด้วยความแข็งขัน

ตลอดชีวิตสมณเพศ หลักธรรมที่พร่ำสอนบรรดาญาติโยมคือการรักษาศีล 5 ให้ประพฤติแต่กรรมดี มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อมนุษย์และสัตว์เพื่อนร่วมโลก ซึ่งเป็นหลักธรรมง่ายๆ เพราะหากปฏิบัติได้ครบทุกข้อแล้วชีวิตจะพานพบแต่ความเจริญรุ่งเรือง

พ.ศ.2539 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูมงคลวรคุณ เป็นพระครูเจ้าอาวาสชั้นโท

ถึงแม้จะล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย แต่วัตรปฏิบัติก็ยังคงเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อคราวใดที่ญาติโยมมีทุกข์ทางใจ ก็ช่วยดับทุกข์ให้ด้วยพุทธมนต์ไม่เคยขัดศรัทธา และถึงแม้จะเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายพลานามัยแข็งแรงดี แต่ก็หนีไม่พ้นความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งเป็นสัจธรรมเมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับ

ในปี พ.ศ.2547 เริ่มอาพาธด้วยอาการปัสสาวะไม่ออกต้องเข้าออกโรงพยาบาลรักษาตัวอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งช่วงปลายปี เกิดหกล้มศีรษะกระแทกพื้น เลือดไหลไม่หยุดบรรดาญาติโยมได้ส่งท่านเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดมหาสารคาม แต่ด้วยท่านมีอายุมากแล้ว ร่างกายจึงไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษา

สุดท้ายจากไปด้วยอาการสงบ ช่วงเช้าของวันพุธที่ 22 ก.ย.2547 สิริอายุ 95 ปี พรรษา 65

โดย เชิด ขันตี ณ พล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน