อายุวัฒนมงคล 87 ปี

ปีติ‘พระเทพปัญญามุนี’

คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6

อายุวัฒนมงคล87ปีปีติ‘พระเทพปัญญามุนี’ – วันอาทิตย์ที่ 15 มี.ค. 2563 ถือเป็นวันมงคล พระเทพปัญญามุนี (ทองดี ฐิตายุโก) จะมีอายุครบรอบ 87 ปี เหล่าศิษย์ผู้ใกล้ชิดและญาติโยมผู้เลื่อมใส จะได้ร่วมกันจัดงานมุทิตาจิตฉลองอายุวัฒนมหามงคล เป็นประจำทุกปี

ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม เขตบางพลัด กรุงเทพฯ พระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่ง ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะชาวชุมชนบางพลัด ฝั่งธนบุรี รับผิดชอบดูแลและส่งเสริมกิจการสำนักเรียนพระปริยัติธรรมวัดอาวุธวิกสิตาราม

จนทำให้สำนักเรียนพระปริยัติธรรมวัดอาวุธวิกสิตารามของคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต มีความโดดเด่น จนมีผู้สอบได้แผนกธรรมและแผนกบาลีติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทย

มีนามเดิมว่า ทองดี สู่เสน เกิดเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2476 ที่บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 9 ต.ชีทวน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี บิดา-มารดา ชื่อ นายแก้วและนางแสน สู่เสน

อายุ 14 ปี เข้าพิธีบรรพชา ที่วัดทุ่งศรีวิไล ต.ชีทวน มีพระครูคัมภีรวุฒาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์

หลังจากการบรรพชา ปฏิบัติกิจอุปัฏฐากรับใช้พระครูคัมภีรวุฒาจารย์ และเรียนภาษาขอมอักษรธรรม จนสามารถอ่อนออกเขียนได้

ด้วยความเป็นผู้มีอุปนิสัยใฝ่ในการศึกษาหาความรู้และพัฒนาขัดเกลาตนเอง ต่อมาได้กราบเรียนเจ้าอาวาส เพื่อขออนุญาตไปเรียนต่อในระดับนักธรรมชั้นโท และระดับมัธยมศึกษา ในเมืองอุบลราชธานี

สังกัดที่วัดสุทัศนาราม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นโท และนักธรรมชั้นเอก

เมื่ออายุ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ที่วัดสุทัศนาราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี โดยมี พระศรีธรรมวงศาจารย์ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสังวรศีลขันธ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูใบฎีกานิล เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังอุปสมบท เนื่องจากยังใฝ่ใจการศึกษาอยู่ พ.ศ.2498 ได้กราบเรียนขอคำปรึกษาจากพระครูสังวรศีลขันธ์ ซึ่งแนะนำให้ไปอยู่ที่วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ จึงได้ตัดสินใจตามคำแนะนำของท่าน

พ.ศ.2503 สอบได้นักธรรมชั้นเอก ที่สำนักเรียนวัดสัมพันธวงศ์

ต่อมาตัดสินใจย้ายไปจำพรรษาที่วัดสัมประทวน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม แต่อยู่ได้เพียงไม่นาน ก็ย้ายกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่วัดอาวุธวิกสิตาราม

อนึ่ง ในขณะที่อยู่ที่วัดอาวุธวิกสิตารามนี้ เป็นที่รู้จักของประชาชนจำนวนมาก ได้รับภาระในงานสำคัญต่างๆ เป็นอันมาก อีกทั้งยังได้ช่วยเจ้าอาวาสในการพัฒนาวัดมาโดยลำดับ

ต่อมาได้มีบทบาทในการส่งเสริมการศึกษา เริ่มต้นจากการดำรงตำแหน่งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมประจำสำนักศึกษา และได้รับความไว้วางใจจากเจ้าอาวาสมาโดยตลอด ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางการศึกษา ทั้งภายในวัดและคณะสงฆ์ส่วนกลาง ดังนี้

พ.ศ.2504 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมประจำสำนักศึกษาวัดอาวุธวิกสิตาราม พ.ศ.2506 เป็นกรรมการตรวจข้อสอบในสำนักศึกษา วัดอาวุธวิกสิตาราม

พ.ศ.2516 เป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง พ.ศ.2537 เป็น เจ้าสำนักเรียนวัดอาวุธวิกสิตาราม

ในระหว่างปี พ.ศ.2530 เห็นความลำบากของพระภิกษุสามเณร วัดอาวุธวิกสิตาราม ที่ต้องเดินทางไปศึกษาในสำนักเรียนแห่งอื่น เช่น วัดเทพศิรินทราวาส วัดนรนาถสุนทริการาม วัดสามพระยา เป็นต้น จึงมีความดำริร่วมกับเจ้าอาวาส เพื่อจัดตั้งสำนักศึกษา และขอยกฐานะจากสำนักศึกษาเป็นสำนักเรียนวัดอาวุธวิกสิตาราม นับว่า เป็นผลสำเร็จตามความคาดหมาย

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2520 เป็นรองเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม พ.ศ.2535 เป็นเจ้าคณะแขวงกัลยาณมิตร ธนบุรี (ธรรมยุต) พ.ศ.2538 เป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2541 เป็นกรรมการที่ปรึกษาสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต)

พ.ศ.2542 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2523 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่พระครูคุณสารสาทร พ.ศ.2536 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม พ.ศ.2542 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระมงคลธรรมวัฒน์ พ.ศ.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชปริยัติวิมล

พ.ศ.2552 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพปัญญามุนี

อุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนามาโดยตลอด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน