หลวงพ่อวรรณ วัดป่าดงหมู

สืบพระเกจิชื่อดังสปป.ลาว – มงคลข่าวสด

หลวงพ่อวรรณ วัดป่าดงหมู “หลวงพ่อวรรณ จิตติโสภโณ” เจ้าอาวาสวัดป่าดงหมู บ้านดงหมู หมู่ 10 ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม ถือเป็นพระเกจิชื่อดังอีกรูปของจังหวัดนครพนม มีวัตรปฏิบัติสุปฏิปันโน เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจ

เป็นศิษย์สืบสายธรรมพระอาจารย์หม่าน แก้วอุดม พระเกจิเรืองวิทยาคมแห่งฝั่ง สปป.ลาว

ปัจจุบัน สิริอายุ 64 ปี พรรษา 14

มีนามเดิมว่า เย็นจิตร วงศ์ศรี เกิดเมื่อ วันที่ 24 มิ.ย.2499 พื้นเพเป็นชาวบ้านดงหมู ต.ท่าค้อ อ.เมือง บิดา-มารดาชื่อ นายจิ้งและนางบุญมี วงศ์ศรี ท่านเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 7 คน

ช่วงวัยเยาว์หลังจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ช่วยครอบครัวทำนาหาเลี้ยงชีพ

เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.2522 ก่อนออกเดินธุดงค์มุ่งหน้าไปร่ำเรียนวิทยาคมกับพระอาจารย์หม่าน แก้วอุดม บ้านซอก ฝั่ง สปป.ลาว ที่อพยพมาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ป่านางคำกอง (วัดป่าดงหมู) ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม ในช่วงสงครามอินโดจีนยังคุกรุ่น

ปี พ.ศ.2516 จัดตั้งสำนักสงฆ์ป่านางคำกอง ซึ่งแต่เดิมสำนักสงฆ์แห่งนี้เป็นวัดร้างโบราณ เป็นพื้นที่เมืองเก่าในสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ยุครุ่งเรือง มีเรื่องเล่าเป็นตำนานสืบต่อกันว่า นางคำกองเคยเป็นเมียหลวงของเจ้าเมืองมรุกขนคร ต่อมาเจ้าเมืองคนดังกล่าวได้นางอัคคี เป็นเมียน้อย จึงสั่งให้นางคำกองไปเป็นเมียน้อยและให้ไปเลี้ยงหมู ส่วนนางอัคคีขึ้นเป็นเมียหลวงแทน

เพื่อรำลึกถึงนางคำกองหลังเสียชีวิตแล้ว ผู้คนในสมัยนั้นจึงสร้างเจดีย์ขึ้นที่บริเวณรั้วกำแพงหน้าวัด

ต่อมาได้ตั้งสำนักสงฆ์ชื่อว่า ป่านางคำกอง นับแต่นั้นมา สันนิษฐานว่าสมัยก่อนเป็นสถานที่เลี้ยงหมูจำนวนมาก จึงตั้งชื่อว่า บ้านดงหมู นั่นเอง

ในช่วงที่จำพรรษาอยู่ หลวงพ่อวรรณฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานกับพระอาจารย์หม่าน อีกทั้งออกธุดงค์ไปด้วยกัน เข้าพื้นที่ อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร ซึ่งเป็นถิ่นของชนเผ่าไทโส้ ศึกษาด้านพุทธาคม ก่อนจะมุ่งสู่วัดภูหินขัน จ.มุกดาหาร ลัดเลาะป่าเขาไปภูวัดและภูมโนรมย์ จ.มุกดาหาร ฝึกนั่งกัมมัฏฐานในป่าช้านานกว่า 4 ปี

ด้วยสังขารไม่เที่ยง พระอาจารย์หม่านมรณภาพ

ในปี พ.ศ.2526 ท่านลาสิกขา กลับมาใช้ชีวิตฆราวาสระยะหนึ่ง และมีครอบครัว

ต่อมาเกิดเบื่อหน่ายทางโลก หันหน้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ.2549 ที่พัทธสีมาวัดโนนสะอาด ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม มีพระครูสุทธิธรรมวัฒน์ เจ้าคณะตำบลท่าค้อ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการไล กตปุญโญ เป็นพระกรรม วาจาจารย์ และพระอธิการสวย โสภโณ เป็นพระอนุ สาวนาจารย์

กลับมาที่สำนักสงฆ์ป่านางคำกองอีกครั้ง ซึ่งขณะนั้นแทบจะกลายเป็นสำนักสงฆ์ร้าง โดยบอกกับชาวบ้านที่นั่น จะขอพัฒนาสำนักสงฆ์ดังกล่าวให้เจริญรุ่งเรือง เป็นศาสนสถานที่ปฏิบัติธรรมของชาวพุทธศาสนิกชนทั่วไป

ในช่วงแรกสำนักสงฆ์มีเพียงกุฏิไม้เก่า 2 หลัง ห้องน้ำผุพัง และศาลาการเปรียญทรุดโทรม สภาพถนนหนทางยังทุรกันดารยิ่งนัก

พัฒนาศาสนสถานและเสนาสนะภายในสำนักสงฆ์อย่างต่อเนื่องจนมีทุกอย่างครบครัน จนมีพระภิกษุมาอยู่จำพรรษาหลายรูป และมีแม่ชีมาปฏิบัติธรรมจำนวนมาก

กระทั่งได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นวัด

ด้วยวัตรปฏิบัติที่ดีงาม เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ในแต่ละวันจึงมีผู้เข้ามากราบนมัสการรับฟังธรรมไม่ขาดสาย สำหรับปัจจัยที่ได้ก็ใช้พัฒนาวัดป่าดงหมู ให้มีความเจริญรุ่งเรืองดังปรากฏเห็นอยู่ในปัจจุบัน

ด้านวัตถุมงคล จัดสร้างเพียงล็อกเกตรูปเหมือนรุ่นแรก เพื่อมอบให้ผู้ที่ร่วมทำบุญพัฒนาวัด ปัจจุบันหายากไปแล้ว

ทุกวันนี้แม้จะล่วงเข้าปัจฉิมวัย แต่สุขภาพยังแข็งแรง มีเพียงอาการภูมิแพ้ต้องพ่นยา แต่สามารถรับกิจนิมนต์ได้

ส่วนหลักธรรมคำสอนที่พร่ำสอนโดยตลอด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต คือ การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท และให้ยึดศีล 5 ไว้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน