วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ
หล่อรูปเหมือนหลวงปู่หมุน
วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ หล่อรูปเหมือนหลวงปู่หมุน – นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีเททอง หล่อรูปเหมือนหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล ขนาดหน้าตักกว้าง 9 นิ้ว เมื่อเร็วๆ นี้ ที่มณฑลพิธีวัดบ้านจาน ต.จาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ
โดยมี พล.ต.ต.สันติ เหล่าประทายผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ, นายประหยัด ถิลา วัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ, ว่าที่ ร.ต.ทวีศักดิ์นามศรี ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมพิธีครั้งนี้ซึ่งมีพระครูสุตธรรมกิจ เจ้าอาวาสวัดบ้านจานเป็นประธานฝ่ายสงฆ์
นายเฉียบชัย คงพุท นายกองค์การบริหารส่วนตำบลจาน กล่าวว่า วัดบ้านจานร่วมกับ คณะศรัทธาบารมีหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล อดีตมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบ้านจานขออนุญาตสร้างวัตถุมงคลขึ้น เพื่อสมทบทุนสาธารณกุศลต่างๆ และได้ปรึกษาหารือพร้อมใจกันจัด
พิธีเททองหล่อรูปเหมือนหลวงปู่หมุน ฐิตสีโลขนาดหน้าตักกว้าง 9 นิ้ว เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าถวายพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ในโอกาสเสด็จณ วัดบ้านจาน (ขณะนี้อยู่ระหว่างทูลเชิญเสด็จ)
นอกจากนี้ ยังได้จัดสร้างเหรียญหล่อโบราณเนื้อทองคำ เนื้อเงินบริสุทธิ์ เนื้อนวโลหะผสม เนื้อทองแดงขัดเงากะไหล่ทอง และเหรียญทองพุทธศิลป์ รวมทั้งสิ้น 20,000 เหรียญ ส่วนหนึ่งจัดทำขึ้นเพื่อ ทูลเกล้าถวายพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เพื่อนำไปมอบให้ข้าราชบริพาร ทหาร ตำรวจ ตามพระอัธยาศัย
และส่วนหนึ่งเปิดโอกาสให้ผู้มีจิตศรัทธาเช่าบูชา เพื่อนำปัจจัยไปสมทบทุนซื้อเครื่องฟอกไตให้โรงพยาบาลใน จ.ศรีสะเกษ สมทบทุนสร้างศาลหลักเมือง อ.ปรางค์กู่ และสมทบกองทุนสาธารณกุศลอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
หลวงปู่หมุน เกิดในสกุล ศรีสงคราม เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 5 ปีชวด พ.ศ.2437 ที่บ้านจาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ
บรรพชาเมื่ออายุ 14 ปี และนำไปฝากกับพระอาจารย์สีดา เจ้าอาวาสวัดบ้านจาน ซึ่งเป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านกัมมัฏฐาน
ในปี 2460 ขณะอายุ 23 ปี เข้าพิธีอุปสมบท มีหลวงพ่อสีดาเป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อเพ็งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ และหลวงพ่อผุยเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า ฐิตสีโล
จากนั้นศึกษาวิชาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ ในแถบนั้นเป็นเวลา 4 ปี ก่อนออกแสวงหาครูบาอาจารย์อื่นๆ เพื่อศึกษาคันถธุระ และวิปัสสนาธุระในชั้นที่สูงขึ้นไป
ในช่วงปี 2475-2482 หลวงปู่เก็บบริขารออกธุดงค์ป่าผ่านถิ่นทุรกันดารในชนบทมายังกรุงเทพฯ ในระยะแรกเข้าพักที่วัดเทพธิดารามเป็นการชั่วคราว โดยมีครูทองอินทร์ เป็นผู้เอื้อเฟื้อจัดหาที่พำนักให้ ท่านให้ไปอยู่ที่วัดอรุณราชวราราม พำนักอยู่กับพระพิมลธรรม (นาค) ศิษย์สายสมเด็จพระสังฆราช (แพ)
โอกาสนี้จึงได้ร่ำเรียนวิชาคัมภีร์มูลกัจจายนสูตร ซึ่งเป็นหลักสูตรโบราณอันเก่าแก่ของคณะสงฆ์
เข้าสอบวิชามูลกัจจายน์ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งการสอบในสมัยนั้นมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประธาน และสมเด็จพระสังฆราช (แพ) เป็นประธานกรรมการฝ่ายสงฆ์ และพระเถราจารย์เป็น ผู้ทดสอบด้วย โดยมีการถามตอบแบบ มุขปาฐะ (ปากเปล่า) ถ้าถามตอบบาลีผิด เกิน 3 คำ ให้ปรับเป็นตกทันที
ด้วยความรู้ความสามารถที่แตกฉาน จึงสามารถสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยคในคราวเดียวเท่านั้น
จากนั้นเก็บบริขารเดินธุดงค์ติดตาม พระอาจารย์ทองดี ที่มาจาก อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย ธุดงค์ไปทางภาคเหนือ-ภาคใต้ ระยะเวลาหนึ่ง
หลังจากนั้น กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านจานจนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส และพระอุปัชฌาย์
ปฏิบัติศาสนกิจเป็นเวลาถึง 20 ปี จึงลาออกจากทุกตำแหน่ง ต้องการใช้ชีวิตที่เหลือบำเพ็ญสมณธรรมปฏิบัติพระวิปัสสนาธุระอย่างเดียว
ประมาณปี 2487 ในช่วงที่อายุ 50 ปี ออกธุดงค์บำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าดงดิบ ในช่วงนี้เองที่หลวงปู่พบกับอาจารย์จ่อยและ อาจารย์ขวัญ วัดป่าหนองหล่ม ระหว่างที่ธุดงค์โดยบังเอิญพระอาจารย์ทั้ง 2 นิมนต์หลวงปู่โปรดญาติโยมที่วัดป่าหนองหล่ม
หลังจากเดินธุดงค์แสวงหาธรรมอยู่หลายสิบปี ประมาณ ปี 2520 ท่านจึงกลับมายังวัดบ้านจาน ซึ่งในยามนั้นอยู่ในสภาพทรุดโทรม ท่านจึงพัฒนาวัด สร้างอุโบสถขึ้นมาจนแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ ยังได้ช่วยเหลือลูกศิษย์และ สหธรรมิกอีกหลายวัด เช่น วัดป่าหนองหล่ม, วัดโนนผึ้ง ฯลฯ
วันที่ 11 มี.ค.2546 มรณภาพอย่างสงบ สิริอายุ 109 ปี พรรษา 86