รำลึก47ปีมรณกาล

พระครูพุฒิวราคม อริยะโลกที่ 6

รำลึก47ปีมรณกาล พระครูพุฒิวราคม : อริยะโลกที่ 6 – วันพุธที่ 29 เม.ย2563 น้อมรำลึกครบรอบ 47 ปี มรณกาล “พระครูพุฒิวราคม” หรือ “หลวงปู่พุฒ ยโส” อดีตเจ้าอาวาสวัดคามวาสี บ้านคำตานา อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เป็นพระเถระที่มีเมตตาธรรม มักน้อยถือสันโดษ

แม้จะมรณภาพไปนาน แต่ด้วยวัตรปฏิบัติที่เสมอต้นเสมอปลาย หลวงปู่พุฒจึงยังอยู่ในศรัทธาของพุทธศาสนิกชนตราบจนปัจจุบัน

อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า พุฒ สิงห์อร เกิดเมื่อวันที่ 7 มี.ค.2457 ที่บ้านเหล่าค้อ ต.ไผ่ใหญ่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

ครั้นต่อมาภูมิลำเนาที่อาศัยอยู่เกิดฝืดเคืองในการทำมาหาเลี้ยงชีพ ประกอบกับได้ยินว่าทาง อ.บ้านหัน (อ.สว่างแดนดินปัจจุบัน) จ.สกลนคร เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร โยมบิดามารดาจึงได้อพยพขึ้นมาอยู่ที่หมู่บ้านตาลโกน ต.ตาลเนิ้ง อ.บ้านหัน

เมื่อเติบโตพอที่จะศึกษาอักษรไทยได้แล้วบิดาส่งเข้ามาเรียนที่โรงเรียนประชาบาลวัดโพธิ์ไชยเจริญ บ้านตาลโกน เรียนจบชั้นประถมศึกษาที่ 4 แต่ไม่ได้ศึกษาต่อ จำต้องช่วยเหลือกิจการงานของพ่อแม่ตามวิสัย

เมื่อเจริญวัยเป็นหนุ่ม ได้ออกจากบ้านกับเพื่อนไปแสวงหางานทำที่จังหวัดอุดรธานี พอถึงฤดูฝนต้องกลับบ้านมาช่วยพ่อแม่ทำนา

ในที่สุดเข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2479 ที่พัทธสีมาวัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม โดยมีพระครูสารภาณมุนี (พระเทพสิทธาจารย์) วัดศรีเทพประดิษฐาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาพรหมา (พระวินัยโศภณ) วัดศรีเทพประดิษฐาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์

กลับมาอยู่จำพรรษาที่วัดสุทธาวาส จ.สกลนคร เพื่อศึกษาอบรมพระธรรมวินัย และฝึกหัดข้อวัตรปฏิบัติในสำนักของพระอาจารย์เสาร์

ตั้งใจเรียนพระปริยัติธรรมต่อ ปรากฏว่าสอบความรู้นักธรรมในสนามหลวงวัดพระธาตุเชิงชุมได้ทุกปี

พ.ศ.2481 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.2482 สามารถสอบนักธรรมชั้นโท พ.ศ.2483 สามารถสอบนักธรรมชั้นเอก

เมื่อเรียนจบนักธรรมชั้นเถรภูมิ ในปี พ.ศ.2484 ท่านตั้งใจจะเรียนบาลีไวยากรณ์ต่ออีก โดยมีพระอาจารย์มหาเส็ง ปุสโส (อดีตพระอริยคุณาธาร) เป็นครูสอน

ระหว่างกลางพรรษาในปีนั้น ท่านเริ่มอาพาธเป็นไข้หนัก ทำให้การเรียนไม่สะดวก ผลแห่งการเรียนบาลีไวยากรณ์ไปไม่ตลอด ออกพรรษาแล้วอาการอาพาธก็ยังไม่หายเป็นปกติดี

จึงกลับมารักษาตัวอยู่ที่วัดคามวาสี บ้านตาลโกน อันเป็นมาตุภูมิ เมื่อรักษาตัวให้หายเป็นปกติแล้ว ท่านก็กลับไปอยู่วัดสุทธาวาสตามเดิม

พ.ศ.2488 ทางบ้านคำตานา อ.สว่างแดนดิน ซึ่งวัดได้ว่างจากพระภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษา คณะทายาทายิกาในหมู่บ้านคำตานาจึงได้ประชุมปรึกษาตกลงกันไปนิมนต์ไปอยู่จำพรรษา และเป็นประธานสร้างวัด

ด้วยความเป็นพระป่า จึงได้ร่วมกันออกแสวงทำเลที่เหมาะสม เพื่อจะสร้างวัดป่าหาที่สงบ เมื่อเห็นทำเลที่เหมาะสมแล้ว ท่านจึงออกไปอยู่รุกขมูลก่อนและเร่งวัตรปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง

ต่อมาพวกทายกทายิกาในหมู่บ้านจึงได้ทำเสนาสนะให้อยู่จำพรรษาเรื่อยมา เรียกว่า วัดคามสาสี เป็นวัดที่ถาวรถึงในปัจจุบันนี้

หลวงปู่พุฒเป็นพระที่มีปฏิปทาข้อวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โดยมีคำสั่งสอนตลอดมาว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ของเราไม่ใช่ของเขา เป็นสิ่งสมมติทั้งนั้น” หรือ “ขอให้ทำความดี ชีวิตก็จะดี”

นับตั้งแต่พ.ศ.2497 เป็นต้นมา ท่านอยู่จำพรรษาที่วัดคามวาสีและวัดสีสว่างฯ จนถึงกาลอวสานแห่งชีวิต เมื่อวันที่ 29 เม.ย.2516 เวลา 05.00 น.

เหลือทิ้งไว้แต่คุณงามความดีให้ปรากฏตราบนานเท่านาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน