เนื่องในโอกาสที่พระเดชพระคุณ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม มีอายุวัฒนมงคลครบ 45 ปี เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา

วัดไผ่ล้อมได้จัดให้มีพิธีอุปสมบทหมู่ เฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 “ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของเหล่าพสกนิกรไทยทั่วหล้า” ที่สำคัญการบรรพชา อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้คนให้ความสนใจ มาเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้จึงขอนำเสนอมุมมองของพระภิกษุ ในฐานะพระนวกะ ผู้ที่มาเข้าร่วมโครงการนี้ ว่ามีแนวคิด ทัศนคติอย่างไร จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการอันเป็นพิธีมหากุศลยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ โดยการสุ่มสอบถามพระภิกษุสงฆ์ที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 3 รูป และพระพี่เลี้ยง 1 รูป อาทิเช่น

พระปัญฺญาพโล (สิบเอก สีหราช ตรีรัตนกูล) เผยถึงเหตุผลที่ทำให้ท่านตัดสินใจเข้าร่วมโครงการบรรพชา อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ที่ทางวัดไผ่ล้อมจัดขึ้นครั้งนี้

รู้สึกซาบซึ้งในรสพระธรรม คำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมา มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต ที่แก้ไม่ตก ไขไม่ออก เครียดจนชีวิตสิ้นไร้ไม้ตอก แต่เมื่อรำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เริ่มจะปลง ปล่อยวางได้มาก เมื่อปล่อยเป็น ก็เริ่มเห็นทางออกของปัญหา จึงตระหนักได้ว่า หลายครั้งที่ผ่านปัญหามาได้ ก็เพราะบุญญาบารมีพระองค์ท่าน ที่ดลจิตดลใจให้พบทางสว่าง

เหตุผลที่อาตภาพ มาเลือกบวชที่วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เพราะมีความเลื่อมใสศรัทธาวัดไผ่ล้อมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีความเคารพบูชาสรรเสริญในหลวงพ่อพูล และ หลวงพี่น้ำฝน และอีกหนึ่งเหตุผลคือ วัดไผ่ล้อมเป็นวัดที่อยู่ใกล้บ้าน โยมพ่อโยมแม่มาทำบุญที่วัดไผ่ล้อมบ่อยครั้ง เมื่อทราบข่าวว่ามีการบรรพชา อุปสมบทฟรี จึงให้อาตมา มาบวชจำพรรษาที่วัดไผ่ล้อมโดยที่อาตมาก็มิได้ลังเลใจด้วยประการใดเลย

และเมื่อมาบวชที่วัดไผ่ล้อมแล้ว บรรยากาศภายในวัดไผ่ล้อม มีความสงบร่มเย็น มีความสะดวกสบายพร้อมสรรพไปสะทุกอย่าง ที่สำคัญ มาบวชโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย แม้แต่บาทเดียวก็ไม่เสียครับ หลวงพี่น้ำฝนไม่เรียกเก็บค่าอะไรเลยทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและประทับใจมากๆครับ

ในการบวชครั้งนี้ หลวงพี่น้ำฝนท่านให้แง่คิดที่สามารถนำไปใช้ได้ในการดำเนินชีวิตท่านพร่ำสอน และเน้นย้ำอยู่เสมอครับ “ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน รู้บุญคุณคน” ถ้ามีหลักธรรมทั้ง 4 ข้อนี้ไว้ในใจ ไม่มีความฉิบหาย มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตครับ

นอกจากนั้นยัง อาตมาประทับใจพระพี่เลี้ยงทุกท่านที่ดูแลอาตมาเหมือนเป็นคนในครอบครัว เสมือนว่าอาตมาเป็นพี่เป็นน้องชายของท่านจริงๆ และไม่ใช่ทำแบบนี้กับอาตมาแค่รูปเดียวนะ ท่านปฏิบัติต่อทุกรูปทุกคนเท่าเทียมกันหมด นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างมากครับ

ด้านพระวิจิตต์ ธมฺมจิตโต (วิจิตต์ ศรีวิเศษ) ให้เหตุผลที่ทำให้ท่านตัดสินใจเข้าร่วมโครงการบรรพชา อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ที่ทางวัดไผ่ล้อมว่า อาตมารู้ว่าโครงการนี้บรรพชาอุปสมบทหมู่ เพื่อถวายแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 ตอนอาตมาเป็นฆราวาส ปุถุชนคนธรรมดา ก็คิดว่าจะหาโอกาสไหนที่จะทดแทนพระคุณพระองค์ได้ เพราะอย่างไรอาตมาคงไปไม่ถึงท่าน แต่ในการที่อาตมา มาอุปสมบทในครั้งนี้ ก็เปรียบเสมือนเป็นการทดแทนพระคุณของพระองค์ท่าน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัว ร.10 และหวังว่าพระองค์คงจะได้รับรู้ในกาลต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ทางเฟสบุ๊ค หรือทางอื่นใด ที่สำคัญญาติโยมทุกคนก็ร่วมอนุโมทนาสาธุกับอาตมาด้วย อาตมาเชื่อว่าคนธรรมดาทั่วไปที่เดินตามท้องถนน หาโอกาสยากที่จะบวชถวายแบบนี้ ก็เลยตัดสินใจมาบวช

เมื่อถามว่า ทำไมถึงเลือกมาบวชจำพรรษา เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ณ พัทธสีมาวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม

พระวิจิตต์ กล่าวว่า อันที่จริงอาตมาไม่ได้เลือกว่าจะบวชที่วัดไหน อาตมาเลือกที่วาระโอกาสที่สะดวก ปกติจะทำงาน ไม่มีเวลา จังหวะเรามีเวลา บวกกับการที่มีสื่อประชาสัมพันธ์ทางเฟสบุ๊ค แถวบ้านอาตมาก็เคารพและเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อพูลและหลวงพี่น้ำฝนเยอะ ผู้คนก็มาบอกบุญ มาพูดมากล่าวช่วยประชาสัมพันธ์ ถามเพื่อนทราบข่าวก็ไปถามเพื่อนอาตมา พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งอยากมาบวชเหมือนกัน เลยชักชวนกันมา เห็นเป็นโครงการที่ดี ใช้เวลาในการตัดสินใจประมาณ 15 นาที ก็ตัดสินใจมาบวช

เมื่อถามว่า เมื่อมาบวชที่วัดไผ่ล้อมแล้ว มีความรู้สึกหรือคิดเห็นอย่างไรบ้าง ถ้าให้พูดถึงความประทับใจของอาตมา ปกติอาตมาไม่เคยได้รับรู้เกี่ยวกับตัวหลวงพี่น้ำฝนมากนัก คืออาตมาไม่รู้จักท่านเลยดีกว่า แต่การที่ได้รู้จักท่านเป็นครั้งแรก และในโอกาสดีๆแบบนี้ เป็นสิ่งที่อาตมาประทับใจมากที่สุด

อาตมาเชื่อว่าการให้โอกาสคนสำคัญที่สุด จากการที่อาตมาได้มาสัมผัส ได้ทำความรู้จักพระเก่าๆที่จำพรรษาที่วัด ได้ฟัง ได้สนทนากับลูกศิษย์วัดแต่ละคน วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐมนี้ ถือเป็นวัดที่ให้โอกาสกับคนทุกชนชั้น เป็นวัดที่ให้โอกาสกับคนที่มีจิตสำนึก อาตมาประทับเรื่องนี้

สำหรับคติธรรมประจำใจของหลวงพี่น้ำฝน ที่จำได้ขึ้นใจ และยังจำได้แม่น ก็คือ ในหลักธรรม 4 ข้อ ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน รู้บุญคุณคน อาตมาว่าทุกคำเป็นคำที่เหมือนมาม่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะเวลาที่เราแกะซองมาม่า และปฏิบัติตามข้อแนะนำข้างซอง ก็จะได้ลิ้มรสมาม่าแสนอร่อย ก็เหมือนกับ ธรรมะ 4 คำนี้ ถ้าปฏิบัติครบชีวิตก็จะดี ถ้าทำงานแล้วไม่ขยัน ก็ไม่เจริญ ขยัน ไม่อดทนก็ไม่ได้ เพราะเป็นของคู่กัน และ สุดท้ายการรู้บุญคุณคนนี่สำคัญที่สุด การที่อาตมาเห็นหลวงพี่น้ำฝน ดูแลโยมแม่อย่างทะนุถนอม ผมรู้สึกซึ้งในใจอย่างมาก ผมอยากหาโอกาสทำแบบนี้กับโยมแม่บ้าง อยากมาก ๆ

ทางด้าน พระชีวิน โชติวํโส (ชีวิน ครุฑแสง) ได้กล่าวว่า อาตมาบวชครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ตอนบวชครั้งแรกอายุ 20 ปี ครั้นเมื่ออาตมาดำเนินชีวิตเป็นฆราวาส ก็ทำหลายอย่าง ทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะรับราชการ ไม่ว่าจะทำงานรับจ้าง ทำทุกอย่าง ทำมาค้าขาย อาตมาก็ดำเนินชีวิตไปเรื่อย แต่มีอยู่ช่วงหนึ่ง ช่วงระยะ 2-3 ปีให้หลังนี้ มีความคิดที่อยากจะบวชอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าครั้งแรกที่บวช ไม่ได้ปฏิบัติแบบเต็มที่ จัดงานใหญ่โต พอบวชเข้ามารูปเดียว ก็ไม่มีใครคอยแนะนำ ไม่มีใครที่จะสั่งสอน ว่าอะไร ยังไง ในการบวชเป็นพระ ต้องทำอะไรบ้าง เหมือนกับช่วงหนึ่งก็พลาดไป อยากจะบวชอีกรอบหนึ่งแต่ยังไม่มีโอกาส จนมาตอนนี้ พอได้โอกาส ก็เลยเข้ามาบวช

สำหรับวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เป็นวัดที่สงบ ร่มรื่น มีความสะดวกสบายมากๆเลยครับ แล้วก็ได้ปฏิบัติธรรมอย่างที่ตั้งใจไว้ ได้กวาดโบสถ์ กวาดลานวัด ทำกิจของสงฆ์ตามที่เราตั้งใจว่าอยากจะทำ พอมาบวชครั้งนี้ ก็ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำครบถ้วนทุกประการ อย่างสมบูรณ์แบบ

ในด้านมุมมอง คติธรรม หรือแง่คิดต่างๆ ในการบวชในครั้งนี้ จริงๆแล้วอาตมาได้อะไรกลับมาเยอะ ภายในระยะเวลา 7 วัน เราได้ทำกิจของสงฆ์ วัตรปฎิบัตรทุกรูปทุกคนหมดจดงดงาม ได้บิณฑบาต โปรดญาติโยม ตรงนี้ได้เยอะกว่าบวชนานเสียอีก

สำหรับเหตุการณ์ ที่ทำให้ท่านรู้สึกประทับใจในการบวชครั้งนี้ ก็คือ ได้เจอกัลยาณมิตร ได้พบเพื่อนใหม่ อาจจะคนละรุ่น อาจจะแก่กว่าคนอื่น มาทีแรกก็มีคนเดียวนี่หล่ะ ไม่รู้จักใครเลย จริงๆแล้วอาตมาเป็นคนที่เข้ากับใครได้ยาก ถ้าไม่รู้จัก ก็จะไม่ค่อยสุงสิง หรือพูดด้วยอยู่แล้ว ได้มาเจอพระพี่เลี้ยง ได้มาเจอหลายๆคน หลากหลายนิสัยใจคอของแต่ละคน พระพี่เลี้ยงที่นี่ดีมาก เป็นกันเอง ทุกอย่าง ปรึกษาได้ทุกเรื่อง สงสัยอะไร ขอความช่วยเหลือได้ตลอด

ทางด้าน พระอาจารย์พงษ์ดนัย สุวจฺโจ พระพี่เลี้ยง ที่คอยควบคุมดูแลความเรียบร้อยพระภิกษุสงฆ์ ที่เข้าร่วมโครงการบรรพชา อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ได้กล่าวว่า

อาตมาบวชมา 8 พรรษาแล้ว สำหรับอาตมาแล้ว จุดเปลี่ยนตรงนั้นก็ จากคนเกเร ไม่เอาอะไรเลย อายุครบด้วย ก็เลยบวช พอบวชแล้วศาสนาทำให้เรากลับตัวกลับใจได้ อะไรที่เลวร้ายไม่ดี เราก็ค่อยๆ ปรับไปเรื่อย มันก็ทำให้อาตมาเกิดความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็ได้มีการศึกษาพระธรรมวินัย ข้อวัตรปฏิบัติ แล้วก็จบนักธรรมชั้นตรี นักธรรมชั้นโท นักธรรมชั้นเอก ได้ศึกษาตามลำดับ จบมาแล้วก็ทำให้เราเข้าใจในพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น

สำหรับวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เป็นวัดที่มีกรอบ กฎระเบียบ ข้อวัตรปฏิบัติ เคร่งครัดตรงต่อพระวินัย มีกฎระเบียบของวัด คือ ตารางกิจของสงฆ์ ทุกอย่างก็โอเคครับ เป็นไปตามหลักธรรมคำสอน ตามที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กำหนดไว้

ตลอดระยะเวลาที่อาตมาภาพบวชมาเป็นเวลา 8 พรรษา คิดว่าทุกสิ่งล้วนเป็นสัจธรรม ทำให้เราได้ปรับปรุงตัวเอง คนเราจะมีจริต หรือ นิสัยที่เลวร้าย หรือว่าโทสะ โมหะ ความโกรธ ความโลภ ความหลง เมื่อต้องเผชิญกิเลสเหล่านั้น ทำให้อาตมาปลง เลยส่งผลให้อาตมาได้อยู่จนถึงทุกวันนี้

สุดท้ายนี้ อยากจะฝากไปถึงโยมที่อยากจะบวช หรือ ญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทางวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ใครไม่มีเงิน อยากจะบวช บวชฟรีนะครับ ไม่ว่าจะเป็นสื่อทางเฟสบุ๊คหรือทางอินเตอร์เน็ทต่างๆ ก็จะบอกไว้เลยครับว่า ท่านที่อยากจะบวชในวัดไผ่ล้อม ไม่ต้องใช้ปัจจัย มาบวชฟรีได้เลยครับ หลวงพี่น้ำฝนท่านเป็นเจ้าภาพให้นะครับ ขอเจริญพร…….

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน