คอลัมน์ อริยะโลกที่6

“หลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร” วัดถ้ำยายปริก อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี พระเถระอีกรูปหนึ่งที่มีวัตรปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลาย มีเมตตาธรรมสูง

เกิดในสกุลคำประเสริฐ เมื่อวันเสาร์ที่ 14 ม.ค.2466 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนอ้าย ปีกุน ณ บ้านคอน อ.มะโนไพร แขวงนครจำปาสัก ประเทศลาว ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขายและตัดเย็บเสื้อผ้า

ต่อมาบิดาแยกทางกับมารดา ภายหลังบิดาจึงรับไปอยู่ด้วย แต่ไม่นานบิดาถึงแก่กรรม ปู่จึงรับไปอยู่ที่วัดเหนือ บ้านคอน โดยเริ่มเป็นเด็กวัดตอนอายุย่าง 15 ปี

ต่อมาบรรพชาได้ 1 ปี มารดาก็ล้มป่วยและถึงแก่กรรม พออายุได้ 18 ปีท่านเล่าเรียนนักธรรมตรีที่ อ.มะโนไพร

พ.ศ.2485 ลาสิกขาและออกไปทำงานที่บ้านนายอำเภอศิริ ศิริแพทย์ นายอำเภอที่ จ.บุรีรัมย์

จนกระทั่งปีพ.ศ.2489 นายอำเภอย้ายไปทำงานที่ จ.ระยอง และบรรจุท่านเป็นเสมียนปกครอง พนักงานสอบสวนวิสามัญ แต่ช่วงนี้อกหักจากความรัก จึงขอนายอำเภอย้ายไปทำงานที่ จ.ชลบุรี รับราชการอยู่ 3 ปีจึงลาออก

ในช่วงนี้ท่านได้ใช้ชีวิตการประกอบอาชีพค้าขาย แต่พอเริ่มจะตั้งตัวได้ก็มีเหตุต้องเสียทรัพย์ เช่น ถูกขโมย ไฟไหม้ ราคาผลผลิตตกต่ำ กระทั่งถึงขั้นถูกจำคุกเป็นเวลา 7 ปี

ครั้นได้รับอิสรภาพท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท ขณะมีอายุ 46 ปี เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2512 ณ วัดนิมมานราษฎร์บำรุง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี มีพระครูพิบูลสังฆกิจ เจ้าคณะตำบลคลองกิ่ว เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการสวิน อินทวังโส วัดศรีอรุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอธิการสมาน รตินธโร วัดนิมมานราษฎร์บำรุง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ท่านได้ฝึกสมาธิภาวนา ศึกษาอยู่ที่วัดนิมมานราษฎร์บำรุง ได้ผลต่างๆ เกิดความสงสัยอารมณ์นี้ว่าถูกผิดอย่างไร ซึ่งมีผู้แนะให้ไปสอบอารมณ์ที่สำนักของพระอาจารย์บุญมี เมธางกูร สาขาของวัดพระเชตุพนฯ

ครั้งหนึ่งได้ออกจาริกวิเวก ได้พบกับหลวงพ่อม่น วัดเนินตามาก และหลวงพ่อเอื้อน จ.นครสวรรค์ ที่ถ้ำจักรพงษ์ เกาะสีชัง ภายหลังท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่ต่างๆ และได้จาริกไปภาคอีสาน

ถึงแม้จะออกธุดงค์แสวงหาความวิเวกไปตามสถานที่ต่างๆ แต่ท่านก็มักจะกลับมาจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำยายปริกเสมอ

พบว่าที่บริเวณถ้ำยายปริกเป็นสถานที่เหมาะสมแก่การเจริญสมณธรรม ท่านจึงมักจะมาจำพรรษาที่นี่เป็นหลัก ยกเว้นปีที่ท่านไปจำพรรษาที่อื่น หลวงพ่อประสิทธิ์ได้เปิดอบรมปฏิบัติภาวนา แก้ไขข้อข้องใจในการปฏิบัติแก่ผู้สนใจที่วัดถ้ำยายปริก

หลวงพ่อประสิทธิ์บรรยายธรรมโอวาทครั้งหนึ่งว่า “ไม่ว่าพระไม่ว่าชี หรืออุบาสกอุบาสิกา ต้องหมั่นเจริญสติปัฏฐาน 4 ให้แน่นแฟ้น ครั้นเจตสิกดับ หมดความปรุงแต่งในผัสสะด้วยเห็นความจริงในการเกิดดับของทุกสภาวะ และเห็นรูปนามเป็นอารมณ์โดยอัตโนมัติทุกขณะไป แค่นี้ก็ไปอยู่สุทธาวาสแล้ว ไม่ต้องมาแบกหามสภาวะความเป็นมนุษย์ให้วุ่นวายอย่างนี้อีก และเมื่อเจริญต่อไป จนเห็นพิษภัยของรูปนามทั้งหมด จึงปล่อยวางรูปนาม ก็เข้าถึงความว่างที่แท้จริง เป็นอนัตตา และมหาสุญญตา ก็หมดเรื่องหมดราว มีอยู่แค่นั้นเอง”

สาธุชนทั่วไปยกย่องท่านเป็นพระอาจารย์สายกัมมัฏฐานที่มีเมตตาสูงรูปหนึ่งแห่งเกาะสีชัง จ.ชลบุรี

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 มี.ค.2550 หลวงพ่อประสิทธิ์มรณภาพอย่างสงบ ด้วยโรคชรา ที่โรงพยาบาลชลบุรี สิริอายุ 84 ปี พรรษา 38 คณะศิษยานุศิษย์นำศพของท่านบรรจุในโลงเก็บศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาวัด

กระทั่งวันที่ 9 มี.ค.2551 พระเทพชลธารมุนี เจ้าคณะจังหวัดชลบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์จัดงานบำเพ็ญกุศลและประชุมเพลิงศพ ที่วัดถ้ำยายปริก ต.ท่าเทววงษ์ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน