หลวงปู่ทองสา สุคันโธ
พระเถระสายกัมมัฏฐาน – อริยะโลกที่ 6
หลวงปู่ทองสา สุคันโธ – พระครูมงคลสิริธำรง หรือ หลวงปู่ทองสา สุคันโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดสิงห์ทอง บ้านหมูม่น หมู่ 9 ต.ดอนเตย อ.นาทม จ.นครพนม พระเกจิอาจารย์สายวิปัสสนากัมมัฏฐาน
อีกทั้งยังเป็นพระเถราจารย์ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เป็นที่เลื่อมใสศรัทธา
มีนามเดิมว่า ทองสา สุทธประภา ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2466 พื้นเพเป็นชาว ต.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด บิดา-มารดา ชื่อนายเนียม และนางจันทา สุทธประภา เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องร่วมอุทร 4 คน
ในวัยหนุ่มช่วงครองตนเป็นฆราวาส ใช้วัวและกระบือเทียมเกวียน เดินทางฝ่าเทือกเขาภูพาน ใช้เวลารอนแรมนาน 1 เดือน จึงเดินทางมาถึง อ.นาทม จ.นครพนม
เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2525 ที่อุโบสถวัดสิงห์ทอง ต.ดอนเตย อ.นาทม จ.นครพนม โดยมีพระครูรัตนวิมลญาณ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระพรหมมา สุขวโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสีไพ จิตตทันโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ฝากตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนกับพระอาจารย์บุญศรี และพระอาจารย์บุญมาก ฝึกปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน ที่สำนักปฏิบัติธรรมที่ ต.นาถ่อน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นานหลายปี
ต่อจากนั้น จึงมาปักหลักที่วัดสิงห์ทอง ต.ดอนเตย เพื่อฝึกปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานนาน 30 ปี จวบจนพัฒนาวัดเจริญรุ่งเรือง สืบมา
ลำดับสมณศักดิ์ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2557 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูมงคลสิริธำรง
ด้านวัตถุมงคล ลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธา จัดสร้างวัตถุมงคลเป็นเหรียญ 2 รุ่น คือ รุ่นชนะจนและเหรียญพญาเต่า ปัจจุบันเป็นที่เสาะแสวงหาของนักอนุรักษ์ยิ่งนัก
เคยปรารภกับลูกศิษย์ ทิ้งไว้เป็นคติธรรมคำสอนว่า “การทำดีจะต้องดีจากภายในสู่ภายนอก ถึงจะเรียกว่าดี พูดให้น้อยทำให้มาก ศรัทธาและบารมีจึงเกิด”
กระทั่งปีที่ผ่านมา มีญาติโยมที่เลื่อมใสศรัทธา บริจาคที่ดินป่าดอนม่วง ต.ดอนเตย เนื้อที่ 8 ไร่ เพื่อจะให้ก่อสร้างเป็นสำนักสงฆ์ อยู่ระหว่างสร้างสิมน้ำวัดหนองม่วง สาขาวัดสิงห์ทอง ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์และญาติโยมใน อ.นาทม แต่ยังไม่ทันตั้งชื่อ ท่านก็มรณภาพเสียก่อน
ก่อนที่จะละสังขาร หลวงปู่ทองสา ท่านอาพาธด้วยโรคชรามานานหลายปี มีโรคประจำตัว คือ โรคความดันโลหิตสูง มีอาการหอบเหนื่อยอ่อนแรง เนื่องจากชราภาพและมีอายุมากแล้ว
กระทั่งวันที่ 30 พ.ค.2563 เวลา 17.30 น. คณะศิษย์นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลนครพนม เพื่อรักษา แต่ท่านมีอาการอ่อนแรง จึงนำตัวกลับมาที่วัด กระทั่งมรณภาพอย่างสงบ ที่กุฏิ เวลา 13.34 น. วันที่ 31 พ.ค.2563 ท่ามกลางความเศร้าสลดของญาติโยมและคณะสงฆ์อำเภอนาทม สิริอายุ 96 ปี พรรษา 38
คณะสงฆ์และกรรมการวัด จึงได้จัดพิธีสรงน้ำศพ ในเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน
เบื้องต้นคณะศิษย์ประชุมหารือ ตั้งศพบำเพ็ญกุศลครบ 100 วัน ให้ญาติโยมได้เดินทางมากราบไหว้ ล่าสุด ประชุมหารือเพื่อขอพระราชทานเพลิงในวันที่ 2 ม.ค.2564 ทั้งนี้ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากพระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม อีกครั้ง
ชนะ วสุรักคะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน