หลวงปู่สอ – วันจันทร์ที่ 6 ก.ค.2563 น้อมรำลึก ครบรอบ 1 ปี มรณกาล “หลวงปู่สอ ขันติโก” แห่งวัดโพธิ์ศรี ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม อดีตพระเถระที่เคร่งครัด เปี่ยมด้วยคุณธรรม เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน

เป็นศิษย์สืบสายธรรม หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุท่าอุเทน จ.นครพนม พระเกจิอาจารย์ ชื่อดังแห่งลุ่มน้ำสองฝั่งโขง ไทย-ลาว

มีนามเดิมว่า สอ แก้วดี ท่านเกิดในตระกูลชาวนา เมื่อวันจันทร์ ปีมะเส็ง พ.ศ.2448 ตามคำบอกเล่าของผู้ใกล้ชิดหลวงปู่ ระบุว่า ท่านเกิดเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2448 ปีมะเส็ง ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 5

ท่านเป็นชาวบ้าน บ้านบะหว้า หมู่ 10 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม บิดาชื่อ นายเพ็ง เป็นชาวลาว มารดา ชื่อ นางจันทร์ ครอบครัวมีพี่น้องร่วมกัน 6 คน

ชีวิตในวัยเด็ก เป็นคนที่เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน นิสัยชอบเข้าวัดฟังธรรม ผิดกับเด็กอื่นวัยเดียวกัน

มีโอกาสเข้ากราบนมัสการหลวงปู่สีทัตถ์ จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงขอติดตามไปยังภูเขาควายฝั่งลาวและได้บวชเป็นสามเณร คอยรับใช้อุปัฏฐาก เล่าเรียนสรรพวิชาต่างๆ

กระทั่งอายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท โดยมีหลวงปู่สีทัตถ์เป็นพระอุปัชฌาย์

อยู่รับใช้อุปัฏฐากหลวงปู่สีทัตถ์เป็นระยะเวลาหนึ่ง จึงได้ออกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆตามป่าเขา จนทราบข่าวอาการป่วยโยมแม่ ในขณะนั้น หลวงปู่มีอายุ 32 ปี พรรษา 12 จึงรีบเดินทางมาดูแลแม่ผู้ให้กำเนิดท่านลาสิกขาออกมาดูแลแม่จนถึงวาระสุดท้าย

ต่อมาจึงขอเข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้ง เป็นพระที่เคร่งครัดในธรรมวินัยวัตรปฏิบัติดี ด้วยความที่มีจิตใจแน่วแน่ในการแสวงหาทางหลุดพ้นตามรอยตถาคต จึงได้ออกเดินธุดงค์ เสริมสร้างบารมีธรรมไปยังสถานที่ต่างๆ ตามป่าเขาในเขตพื้นที่ภาคอีสาน

ครั้งนั้นออกธุดงค์ข้ามไปยังฝั่งลาวบ้านบุ่ง จำพรรษา เพื่อพัฒนาวัดบ้านบุ่งอยู่หลายปี ก่อนออกเดินทางไปพบหลวงปู่สีทัตถ์อีกครั้ง เฝ้าอุปัฏฐากอยู่จนกระทั่งมรณภาพ

หลังจากนั้นกลับมาที่ฝั่งไทย และจำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า ต.รามราชในขณะนั้นยังมีครูบาอาจารย์ที่เป็นทั้ง สหธรรมิกและศิษย์ผู้พี่หลายท่าน อาทิ หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว ศิษย์ผู้ใหญ่ในหลวงปู่สีทัตถ์ซึ่งมีศักดิ์เป็นศิษย์ผู้พี่, หลวงปู่คาร คันธิโย, หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม จ.นครพนม ขอศึกษากับท่านอยู่เป็นระยะ

เคยเป็นพระเกจิที่มีอายุยืนรูปหนึ่งในภาคอีสาน ดำรงชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย แม้อายุมากแต่สายตามองเห็นชัด หูได้ยินเป็นปกติ สนทนากับญาติโยมได้สบาย ฉันภัตตาหารเนื้อปลา ยอดผักสด กล้วยน้ำว้าวันละ 1 ลูกภัตตาหารทุกอย่างท่านฉันได้หมด ด้วยเหงือก-ฟันยังแข็งแรงอยู่ครบเต็มปาก

ด้านการสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่สอ ไม่ได้จัดสร้างบ่อยนัก นานครั้งในวาระพิเศษจึงจัดสร้างสักครั้งหนึ่ง ท่านจะเน้นคำสอนให้ลูกศิษย์นำไปปฏิบัติมากกว่า แต่จะอนุญาตให้ศิษย์ใกล้ชิดสร้างขึ้นเป็นพิเศษ ทำให้วัตถุมงคลของท่านมีจำนวนไม่มากนัก แต่ปรากฏว่าได้รับความนิยม

ช่วงปัจฉิมวัย อาพาธมานานหลายเดือน คณะแพทย์จาก ร.พ.นครพนม และ ร.พ.ท่าอุเทน เข้ารักษาอาการอาพาธอย่างใกล้ชิด ต่อมา มีอาการปอดติดเชื้อ ความดันลดลงกระทั่งละสังขารด้วยอาการสงบ เมื่อเวลา 18.12 น. วันที่ 6 ก.ค.2562

สิริอายุ 114 ปี พรรษา 94

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน