คอลัมน์ เปิดตลับพระใหม่
เมื่อปี 2521 วัดพุทธมงคล (บ้านสระ) ต.คันธารราษฎร์ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ได้จัดสร้างศาลาการเปรียญ ใช้ประกอบศาสนกิจ
ในการจัดหาจตุปัจจัยสมทบทุนก่อสร้างศาลาการเปรียญครั้งนี้ วัดพุทธมงคล ได้จัดสร้างวัตถุมงคล “เหรียญหลวงพ่อพระยืน” มอบให้กับพุทธศาสนิกชนที่ร่วมทำบุญ
สร้างขึ้นจากแผ่นทองที่ได้รับความเมตตาลงอักขระเลขยันต์จากพระกัมมัฏฐาน 21 รูปทั่วภาคอีสาน จัดสร้างเป็นเนื้อทองแดงเพียงอย่างเดียวจำนวน 5,000 เหรียญ ภายหลังเสร็จพิธีพุทธาภิเษก เปิดให้บูชาเหรียญละ 10 บาท
พุทธศิลป์ของเหรียญหลวงพ่อพระยืน จำลองจากต้นแบบพระพุทธมงคลเมือง หรือ หลวงพ่อพระยืน ที่ประดิษฐานอยู่ที่ลานใต้ต้นโพธิ์วัดพุทธมงคล เป็นพุทธศิลป์สมัยทวารวดี แกะสลักจากศิลาแลงสูง 8 ศอก กว้าง 2 ศอก จากการขุดค้นทางโบราณคดีพบใบเสมาฝังอยู่ใกล้องค์พระ เขียนเป็นอักษรไทยน้อย 2 บรรทัดเขียนว่าสร้างปีฮวยสง่า (ปีมะเมียอัฐศก) พุทธศักราช 1399
สำหรับพิธีมหาพุทธาภิเษก จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในวันเพ็ญเดือน 3 พ.ศ.2521 ณ บริเวณลานโพธิ์ หน้าหลวงพ่อพระยืน วัดพุทธมงคล โดยมีพระครูประจักษ์ธรรมวิชัย เจ้าคณะอำเภอกันทรวิชัย และเจ้าอาวาสวัดพุทธมงคล ในขณะนั้นเป็นประธานจัดสร้าง
พิธีจัดขึ้น 3 วัน 3 คืน เริ่มตั้งแต่เย็นวันแรกต่อเนื่องไปจนถึงรุ่งเช้าของวันที่สาม โดยพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมทั่วภาคอีสาน อาทิ หลวงปู่สิงห์ คัมภีโร วัดบ้านศรีสุข จ.มหาสารคาม, หลวงปู่ทองมา ถาวโร จ.ร้อยเอ็ด เป็นต้น
ลักษณะรูปทรงเหรียญเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว ปลายโค้งมน มีหูห่วง
ด้านหน้าเหรียญ มีลายกนกรอบขอบเหรียญ ด้านขวาของขอบเหรียญเขียนว่า “วัดพุทธมงคล (บ้านสระ)” ตรงบริเวณกลางเหรียญ เป็นรูปพระพุทธหลวงพ่อพระยืน ประดิษฐานบนแท่นบัลลังก์ บริเวณด้านล่างเหรียญเขียนว่า “หลวงพ่อพระยืน”
ด้านหลังเหรียญ เริ่มจากด้านขวามีอักขระ 4 ตัว อ่านว่า “นะมะพะทะ” เป็นคาถาตั้งธาตุ ส่วนด้านซ้ายของเหรียญมีอักขระ 4 ตัว อ่านว่า “จะ พะ กะ สะ” คาถาหัวใจ รวมแล้วเป็นยันต์เด่นด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ดีทุกด้าน มีภาษาไทยจากด้านขวาโค้งลงไปด้านล่างวนขึ้นไปทางด้านซ้ายของเหรียญเขียนว่า “หลวงพ่อพระยืนวัดสุวรรณาวาส จ.มหาสารคาม” ตรงบริเวณกลางเหรียญเป็นรูปหลวงพ่อพระยืน วัดสุวรรณาวาส ประดิษฐานบนบัลลังก์บริเวณด้านล่าง ใต้บัลลังก์เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๑” เป็นพุทธศักราชที่จัดสร้าง
ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีมหาพุทธาภิเษก วัดพุทธมงคล ได้เปิดให้พุทธศาสนิกชนเช่าบูชาร่วมสร้างศาลาฯ ปรากฏว่าได้รับความสนใจเป็นประวัติการณ์ ทำให้เหรียญรุ่นนี้หมดลงในเวลาอันรวดเร็ว
เป็นอีกเหรียญของเมืองมหาสารคามที่ติดทำเนียบการประกวดพระภาคอีสานมาโดยตลอด
