คอลัมน์ ชมรมพระเครื่อง

แทน ท่าพระจันทร์

สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน วันนี้เรามาคุยกันถึงพระเก่าๆ กันเพื่อเป็นการอนุรักษ์มิให้เลือนหายไป ซึ่งพระกรุพระเก่าบางชนิดอาจจะไม่ได้มีสนนราคาสูงมากนัก แต่ก็มีคุณค่าทางศิลปะ อีกทั้งยังเป็นพระเครื่องที่บรรพชนได้สร้างไว้เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา และผ่านพิธีการพุทธาภิเษกมาอย่างดีแล้วทั้งสิ้น วันนี้เราจะมาคุยกันถึงพระโคนสมอครับ

ทำไมถึงเรียกว่าพระโคนสมอ และพระโคนสมอที่แท้จริงเป็นพระที่สร้างในยุคสมัยใด หลายๆ ท่านก็อาจจะทราบดี แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่ไม่ทราบเรื่องราวความเป็นมา ผมจึงขออนุญาตเล่าเรื่องพระโคนสมออีกครั้งนะครับ ในปีพ.ศ.2430 เมื่อคราวที่ราชการจะตั้งพิพิธภัณฑ สถานแห่งชาติ สำหรับพระนคร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (ม.ร.ว.เย็น อิศรเสนา) เป็นแม่กองซ่อมแซมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)

เจ้าคุณวรพงศ์ ได้พบพระชินเงินฉาบปรอทเป็นจำนวนมากประมาณ 13 ปี๊บ อยู่บนเพดานท้องพระโรงพระที่นั่งศิวโมกข์ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ของพระราชวังบวรสถานมงคล จึงได้สั่งให้ชะลอพระทั้งหมดมาพักไว้ ณ โคนต้นสมอพิเภก ในบริเวณพระราชวังบวรสถานมงคล ต่อมาทางราชการได้นำพระชินเงินฉาบปรอทดังกล่าวเข้าประจุไว้ในพระเจดีย์ทอง ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อคราวฉลองพระนครครบ 150 ปี พ.ศ.2475 พระดังกล่าวได้ถูกทิ้งไว้ที่โคนต้นสมอพิเภกเป็นเวลานานพอสมควร

พระชินเงินฉาบปรอทคราวนั้นได้ถูกคนหยิบฉวยไปบ้าง จนต่อมาทางการจึงได้เคลื่อนย้ายไปเก็บรักษาไว้และมีพระบางส่วนที่มีการแบ่งให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ซึ่งใกล้ชิดเกี่ยวข้องในการซ่อมแซมพระราชวังบวรสถานมงคล และการที่มีผู้มาพบพระดังกล่าวที่โคนต้นสมอพิเภก ซึ่งท่านเจ้าคุณวรพงศ์นำพระไปชะลอไว้ จึงเรียกชื่อของพระตามสถานที่พบว่า “พระโคนสมอ” นอกจากนี้ในครั้งหลังๆ ที่มีการขุดซ่อมแซมต่างๆ ภายในพระราชวังบวรสถานมงคลก็ยังได้พบพระโคนสมอที่เป็นแบบเนื้อดินอยู่อีกเนืองๆ

ที่มาที่ไปของพระโคนสมอนี้ สมเด็จกรมพระราชวัง บวรมหาสุรสีหนาท กรมพระราชวังบวร ในรัชกาลที่ 1 ได้ทรงนำพระดังกล่าวมาจากวัดโบราณในจังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา เมื่อคราวที่พระองค์ท่านเสด็จไปปฏิสังขรณ์วัดสุวรรณดาราม เมื่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในส่วนที่พบในครั้งอื่นๆ ก็มีที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกหลายวัดในองค์พระเจดีย์ และที่ในกรุงเทพฯ ก็มีพบบ้าง ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะมีการชะลอมาจากพระนครศรีอยุธยาเช่นกัน แต่โดยส่วนมากจะพบแต่พระโคนสมอแบบเนื้อดินแทบทั้งสิ้น ซึ่งพระที่พบแบบเนื้อดินนั้นจะเป็นพระปางประจำวันเกิดเสียเป็นส่วนใหญ่ และพบพระที่มีการลงรักปิดทองร่องชาดกับพระที่ไม่ได้ปิดทองก็มี แต่พระที่มีการลงรักปิดทองจะมีภาษีกว่าในด้านสนนราคา

พระโคนสมอที่เป็นพระเนื้อชินเงินนั้น เท่าที่รู้มาจะพบที่พระราชวังสถานมงคลเพียงแห่งเดียว ที่อื่นๆ นั้นยังไม่ทราบข้อมูล และพระเนื้อชินจะมีขนาดย่อมกว่าพระเนื้อดินมากโขอยู่เหมือนกันครับ ความนิยมจะนิยมพระเนื้อชินมากกว่าพระเนื้อดิน ในส่วนของศิลปะเท่าที่เห็นนั้น สันนิษฐานว่าเป็นศิลปะแบบอยุธยายุคปลาย สังเกตง่ายๆ จากซุ้มของพระโคนสมอจะเห็น ทำเป็นคล้ายเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ที่นิยมสร้างในสมัยอยุธยาครับ

พุทธคุณของพระโคนสมอนั้น ที่ประจักษ์กันมาก็ในด้านอยู่ยงคงกระพัน และแคล้วคลาดครับ ในวันนี้ผมได้นำรูป พระโคนสมอพิมพ์ห้อยพระบาทเนื้อชินเงิน จากหนังสืออมตพระกรุอันล้ำค่าของเมืองไทย มาให้ชมครับ

ด้วยความจริงใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน