“พระครูสุทธิโสภณ” หรือ “หลวงปู่เอก สิรินธโร” อดีตเจ้าอาวาสวัดรัตนาภิมุข (วัดปากเหมือง) และอดีต เจ้าคณะ อ.นาโยง จ.ตรัง พระเถระชื่อดัง

มีนามเดิมว่า เอก ทองหนัน เกิดเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2459 บ้านเดิมอยู่ที่หมู่ 6 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง

อุปสมบทที่วัดพระพุทธ สิหิงค์ อ.นาโยง เมื่อปี 2479 มีพระครูสถิตสารคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดรัตนาภิมุข เป็นพระอุปัชฌาย์ พระหนู ธัมมสโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระหล้อม ธัมมโชโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ท่านมีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะพัฒนาวัดและชุมชนให้มีความเจริญก้าวหน้า งานสำคัญในขั้นต้นคือ การริเริ่มจัดตั้ง “มูลนิธิสุทธิโสภณ” มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือด้านการศึกษาแก่เยาวชน บำรุงการศึกษาปริยัติธรรม และช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย

ด้านการศึกษา จัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก พร้อมกับริเริ่มจัดตั้งโรงเรียนมัธยมประจำตำบล คือโรงเรียนสวัสดิ์รัตนาภิมุข (สรม.) และยังจัดหาทุนเพื่อการศึกษาแก่นักเรียนที่ขาดแคลน ริเริ่มจัดตั้งและอำนวยการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดรัตนาภิมุข

สำหรับผลงานด้านสาธารณสุข คือ การจัดทำโครงการน้ำประปาหมู่บ้าน โดยใช้น้ำดิบจากคลองนางน้อยด้านหลังวัด และใช้พื้นที่วัดเป็นสถานที่ผลิต น้ำประปา แล้วแจกจ่ายน้ำให้ชาวบ้านโดยไม่คิดค่าตอบแทน ภายหลังเมื่อมีการใช้น้ำมากขึ้นจึงต้องจัดเก็บค่าน้ำ แล้วขุดบ่อบาดาลขยายการผลิตน้ำประปาหมู่บ้านในเขตหมู่ที่ 3

อีกทั้งยังเป็นนักอนุรักษ์ที่มีสายตากว้างไกล มองเห็นคุณค่าของต้นไม้เก่าแก่ จึงร่วมมือกับชาวบ้านช่วยกันดูแลสวนป่าไม้ยาง 2 แห่ง คือ ที่วัดรัตนาภิมุข และที่ริมถนนสายนาโยง-ย่านตาขาว

ในขณะที่ด้านการฟื้นฟูอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ท่านได้จัดกิจกรรมในวันสำคัญต่างๆ และส่งเสริมเผยแพร่ การละเล่นตามประเพณีพื้นบ้าน เช่น หนังตะลุง มโนราห์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ท่านยังเป็นผู้มีส่วนผลักดันให้มีการจัดตั้งอำเภอนาโยงได้สำเร็จในเวลาไม่นานนัก เพื่อช่วยให้ชาวบ้านสามารถติดต่อกับทางการได้สะดวกรวดเร็วขึ้น

ท่านมีผลงานนานัปการ ที่สร้างสรรค์ประโยชน์แก่ ส่วนรวม รวมทั้งสร้างความเจริญก้าวหน้าให้วัดและชุมชน ที่สำคัญคือ ช่วยชาวบ้านให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จนได้รับการยกย่องเป็นเกียรติประวัติแห่งการอุทิศตนเพื่อชุมชนต่างๆ มากมาย

อย่างไรก็ตาม หลวงปู่เอกแม้จะมีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และมีอาพาธด้วยโรคเบาหวานเพียงเล็กน้อย แต่ด้วยความชราภาพทำให้ท่านต้องเข้ารับการรักษาอาการอาพาธในปี 2553 ถึง 2 ครั้ง

ทั้งนี้ ก่อนที่หลวงปู่เอกจะมรณภาพท่านได้สั่งเสียให้ผู้ใกล้ชิดสืบสานต่อไป มีอยู่ 4 เรื่องหลักด้วยกัน ได้แก่ ปรับปรุงกุฏิของท่าน ซึ่งใช้เมรุเผาศพเก่า มาดัดแปลง เพื่อจัดทำเป็นหอพระไตรปิฎก ใช้เป็นแหล่งรวบรวมหนังสือและเอกสารสำคัญต่างๆ ทางพระพุทธศาสนา ก่อสร้างศาลาอเนกประสงค์ที่ยัง ไม่แล้วเสร็จ จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นประจำอำเภอนาโยง และสานต่องานของมูลนิธิสุทธิโสภณ ที่ท่านได้ก่อตั้งขึ้นมานับตั้งแต่สมัยสงคราม โลกครั้งที่สอง

และการดูแลการศึกษาของโรงเรียนสวัสดิ์รัตนา ภิมุข (สรม.) ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาประจำอำเภอนาโยง

ในช่วงบั้นปลายชีวิต หลวงปู่เอกเข้ารับการรักษาอาการอาพาธด้วยโรคชรา ที่โรงพยาบาลตรัง เป็นระยะเวลา 1 เดือนเศษ

กระทั่งเมื่อเย็นวันที่ 23 พ.ย.2553 มรณภาพอย่างสงบ สิริอายุ 94 ปี พรรษา 74

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน