“สุรินทร์ สรรพคุณ”

ในงานสบายใจไหว้พระดี สะสมบุญปี’60 ข่าวสดอัญเชิญพระพุทธรูปหลวงพ่อทองคำ องค์จำลองจากวัดพิพัฒน์มงคล จากจังหวัดสุโขทัย มาให้ผู้ร่วมงานกราบสักการะไปแล้วเมื่อช่วงเดือนมีนาคมปีนี้ จากนั้นน่ายินดียิ่งที่มีพุทธศาสนิกชนเดินทางไปกราบไหว้องค์จริงถึงที่วัดในอำเภอทุ่งเสลี่ยม

หากใครมีโอกาสหรือวางแผนจะไป ไหว้พระในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขอแนะนำวัดพิพัฒน์มงคลไว้ล่วงหน้าเลย

นอกจากเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำแล้ว ยังมีสถาปัตยกรรมศิลปะล้านนาผสมผสานชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น ฉาน พม่า ลาว ไทลื้อ ฯลฯ ทำให้วัฒนธรรมล้านนามีความหลากหลายและงดงามเป็นเอกลักษณ์

อำเภอทุ่งเสลี่ยม มีความหมายถึงทุ่งสะเดา ในอดีตเป็นเมืองราษฎร์หัวเมืองล้านนาระหว่างกรุงสุโขทัย และนครพิงค์เชียงใหม่ เป็นอาณาจักรเก่าแก่ในนาม “เมืองเวียงมอก” มีเจ้าเมืองปกครอง 2 องค์ คือ พ่อขุนงามเมือง พ่อขุนเรืองอังวะ (อำนาจ) เป็นเมืองขนาดเล็ก มีอาณาบริเวณไม่กว้างนัก มีหนองน้ำ คูเมืองและกำแพงเมือง

กำแพงโบราณนี้อยู่ห่างจากวัดนี้ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 6 กิโลเมตร ปัจจุบันเรียกว่า “บ้านหอรบ” ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง

วัดเดิมในพื้นที่นี้น่าจะสร้างขึ้นในพ.ศ.1672 พิจารณาจากการค้นพบซากปรักหักพัง เช่น ฐานเจดีย์โบราณ ฐานพระอุโบสถ และโบราณวัตถุ พระพุทธรูปและสิ่งมีค่าเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันวัดพิพัฒน์มงคลมีสถาปัตยกรรมทรงไทยล้านนาจำนวนมาก อาทิ มหาวิหารประดิษฐานหลวงพ่อทองคำ พุทธวิหารลายคำ หอทิพย์วิมาน หอคำหลวง สร้างด้วยไม้ ทั้งหลัง โบสถ์เรือนแก้ว วิหารล้านนา ฯลฯ

ด้วยความงดงามวิจิตรของวัดจนเป็นที่กล่าวขวัญไม่เพียงคนไทยมาเยือน ยังมีชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวชมนั้น เจ้าคุณหลวงพ่อพระมงคลพัฒนพิธาน หรือ ครูบาญาณทิพย์ เจ้าอาวาสกล่าวว่า เป็นเพราะ “วัดนี้มีเทวดาสร้าง” เมื่อถามหลวงพ่อว่า เทวดาใดสร้างถึงได้สวยงามขนาดนี้ คำเฉลยก็คือ “ญาติโยมที่มาช่วยทำบุญนั่นแหละคือเทวดาที่ช่วยกันสร้างวัดให้งดงามตระการตา”

ภายในวัดพิพัฒน์มงคลแห่งนี้ยังโดดเด่นด้วยปฏิมากรรมพระพุทธรูปทองคำ ศิลปะสมัยกรุงสุโขทัย มีชื่อเสียงมาควบคู่กับวัดและจังหวัดสุโขทัย มีชื่อเต็มว่า “พระพุทธสุโขโพธิ์ทอง” หล่อจากทองคำสมัยสุโขทัย น้ำหนัก 9 กิโลกรัม มีอายุกว่า 700 ปี ชาวบ้านต่างนิยมมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล

นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปสำคัญที่ประดิษ ฐานในวิหารต่างๆ มีขนาดหน้าตักมากกว่า 50 นิ้วทุกองค์ อาทิ พระสมเด็จองค์ปฐม ตัวองค์พระเป็นเนื้อโลหะ ประดับด้วยเพชรพลอย มากกว่าหนึ่งหมื่นเม็ด

พระพุทธรูปพระเจ้าเงินเหลือ เป็นพระพุทธรูปเนื้อเงินทั้งองค์, พระพุทธรูปหลวงพ่อทองคำ 5 พระองค์, พระพุทธรูปพระเจ้าทองทิพย์ เนื้อนากทั้งองค์, พระพุทธรูปทองคำพระพุทธไตรโลกเชษฐ์ พระพุทธรูปพระเจ้าเสริมลาภ เป็นเนื้อทองดอกบวบ, พระพุทธทันใจ พระพุทธรูปไตรโลกนาถ แกะสลักจากหินทราย และสมเด็จปูพญา ย่าพญา เป็นต้น

นอกจากนั้นยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ “พระธาตุรากขวัญ” หรือพระธาตุบริเวณไหปลาร้าของพระพุทธเจ้า ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา

การเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปวัดพิพัฒน์มงคล อ.ทุ่งเสลี่ยม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง โดยใช้เส้นทางหลักถนนสายเอเชีย (ทางหลวง 32) ผ่านจังหวัดใน ภาคกลาง ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี นครสวรรค์

จากนั้นตัดไปทางถนนหลวงหมายเลข 117 ผ่าน จ.พิจิตร และพิษณุโลก ก่อนตัด เข้าถนนหลวงสาย 12 เข้า จ.สุโขทัย ทาง อ.กงไกรลาศ ผ่าน อ.ศรีสำโรง อ.เมือง (ทางไป จ.ตาก) เมื่อมาถึงสี่แยกวังกระจายให้ เลี้ยวขวา เข้าถนนหมายเลข 1113 เมื่อมาถึงสี่แยกนาทุ่ง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 1048 ทางไป อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย จ.ลำปาง

ทั้งนี้จากตัวเมือง จ.สุโขทัยไป อ.ทุ่งเสลี่ยม คิดเป็นระยะทาง 60 กิโลเมตร

มีป้ายของวัดพิพัฒน์มงคลที่ทางการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยติดบอกตลอดทาง

ส่วนกิจกรรมของทางวัดซึ่งจัดขึ้นทุกปีนั้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เป็นกิจกรรม สวดมนต์ข้ามปี และเข้าร่วมพิธีสืบชะตาหลวงแบบล้านน จากนั้นวันที่ 16 เมษายนของทุกๆ พิธีสืบชะตาหลวงรับพรปีใหม่ไทย

ส่วนงานบุญประจำปีของวัด จะมีขึ้นในวันที่ 29 กันยายน แต่ละปีจะมีบรรดาลูกศิษย์ท่านเจ้าคุณหลวงพ่อครูบาญาณทิพย์มาบูชาคุณ บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา อย่างต่อเนื่อง

ปฐมเหตุในการสร้างวัดพิพัฒน์มงคลนั้น หลวงพ่อพระมงคลพัฒนพิธานเล่าว่า ในปีพ.ศ.2526 ขณะท่านธุดงค์ผ่านอ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ได้แวะพักปฏิบัติธรรมที่กระท่อมปลายนาใกล้ป่าละเมาะ ที่หมู่บ้านท่าชุม ต.ทุ่งเสลี่ยม

ในคืนดังกล่าวท่านนิมิตเห็นพ่อขุนงามเมืองให้สร้างวัดขึ้น ขณะนั้นท่านก็คิดว่าตนเองอายุเพียง 25 ปี และบวชได้ 5 พรรษาเอง แต่ในนิมิตนั้นได้รับทราบว่า หากท่านรับปากแล้ว เมื่อถึงวาระจะมีคหบดี ขุนทหารน้อยใหญ่ พ่อค้าวาณิช ผู้ที่เคยเป็นข้าทาสราชบริพารลูกหาบ ผู้ถวายการรับใช้พ่อขุนเมือง 887 ปีก่อนจะมาช่วยอุดหนุนบำรุง ให้สำเร็จ

ต่อมาชาวบ้านบ้านท่าชุม และชาวอำเภอทุ่งเสลี่ยมมาพบท่านและอาราธนาขอให้อยู่ต่อเพื่อช่วยกันสร้างวัดขึ้น โดยได้รับการถวายที่ดินจากแม่สุพิน พิพัฒน์เดชพงษ์ พ่อใหญ่ลี สิทธิเสนา และพ่อใหญ่เงิน หล้ามี พ่อใหญ่เสาร์ ชัยมงคล คอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวก ส่วนชาวบ้านก็ช่วยกันบุกเบิกแผ้วถางที่ดิน จากนั้นมีนางบุญเตียง เจริญสวรรค์ จากอ.สวรรคโลก มาเป็นผู้อุปถัมภ์ในการสร้างวัดในที่สุด

จากงบประมาณการสร้างที่เริ่มด้วยปัจจัยเพียง 180 บาท ที่ดิน 22 ไร่ ค่อยๆ ขยายมาจนมี 196 ไร่ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการสร้างมหาอุโบสถล้านนา เนื่องจากโบสถ์หลังเดิมคับแคบ เวลามีงานราษฎร์งานหลวง สถานที่ไม่พอเพียงต่อผู้ที่เข้าร่วมพิธี จึงได้ร่วมกันก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ให้ใหญ่ขึ้นด้วยขนาด 14 x 36 เมตร งบประมาณ 12 ล้านบาท โดยเปิดให้ผู้สนใจร่วมสมทบบุญเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาทุ่งเสลี่ยม ชื่อบัญชี วัดพิพัฒน์มงคล เลขที่ 460-0-02275-2 หรือธนาณัติสั่งจ่าย/ออนไลน์ ในนาม เจ้าอาวาสวัดพิพัฒน์มงคล

ส่วนผู้ต้องการสอบถามเพิ่มเติมติดต่อได้ที่โทร.0-5565-9072, 0-5565-9164 และ 0-8128-0633

สําหรับประวัติของหลวงพ่อพระมงคลพัฒนพิธาน ผู้นำการจัดสร้างวัดแห่งนี้ เกิดที่บ้านมะขามหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2501 บิดาชื่อพ่อปวน มารดาชื่อแม่คำปัน ในสกุล แดงลังกา มีพี่น้อง 2 คน นายสุพันธ์ แดง ลังกา หรือพระสุพันธ์ ฐิตญาโน ปัจจุบันบวชเป็นพระภิกษุ ศึกษาปฏิบัติธรรมกับครูบา ญาณทิพย์ ที่วัดพิพัฒน์มงคล

ท่านบรรพชาเมื่ออายุ 13 ปี ที่วัดมะขามหลวง โดยมีครูบาบุญศรี สีลวิสุทฺโธ เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นเริ่มศึกษานักธรรมชั้นตรี โท เอก ศึกษาอักขระภาษาล้านนา และวิชาพื้นบ้านล้านนาทั่วไป ได้ติดตามอุปัฏฐากครูบาอาจารย์ปฏิบัติธรรมในที่ต่างๆ อยู่เป็นนิจ

ต่อมาย้ายมาศึกษาปฏิบัติธรรมที่ จ.ลำพูน จนเมื่ออายุ 20 ปี เจ้าแม่บัวผัน ณ ลำพูน คุณนายคำใส คุณจารุณี วัชรเนตร พร้อมด้วยคณะศรัทธาญาติโยมวัดพระคงฤๅษี ถวายการอุปถัมภ์นำสามเณรพิพัฒน์มงคล เข้าพิธีอุปสมบท ณ อุโบสถวัดพระคงฤๅษี จ.ลำพูน

พิธีในครั้งนั้นมีพระราชสุตาจารย์วัดจามเทวี เจ้าคณะจังหวัดลำพูน เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระครูโสภณธีรคุณ (ต่อมาเป็นพระเทพญาณเวที) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มีพระครูประสาทสุตานุคม (ต่อมาเป็นพระเทพมหาเจติยาจารย์) เป็นพระ อนุสาวนาจารย์ พระภิกษุพิพัฒน์มงคล ได้รับฉายาว่า “คุณยุตฺโต” หมายถึงพระผู้ประกอบด้วยคุณงามความดี

ด้วยวัตรปฏิปทาน่าเลื่อมใส เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม บำเพ็ญสมณธรรมตั้งแต่อายุ 13 ปี จวบจนปัจจุบัน ดำเนินศาสนกิจด้วยปรัชญา คือ ศึกษา ปฏิบัติพัฒนา และศึกษาวิชาญาณทิพย์ จับกระแสจิตกับท่านสัตยา ไสบาบา เมื่อครั้งจารึกธรรมกับครูบาอาจารย์ สหธรรมิก ณ ปุตตปารตี ประเทศอินเดีย เป็นเวลา 6 เดือน

เวลามีสาธุชนมากราบนมัสการ ท่านมักทำนายทายทักประวัติได้อย่างแม่นยำ แต่ที่สำคัญกว่านั้นท่านพร่ำสอนพระธรรม ชี้ทางถูกระงับทางผิด ให้ข้อคิดในการแก้ปัญหา มีกำลังใจในการดำเนินชีวิต ด้วยเมตตาบารมีธรรม สาธุชนจึงเรียกท่านว่า “ครูบาญาณทิพย์”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน