“ชนะ วสุรักคะ”

“หลวงปู่ประไพ อัคคธัมโม” อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าศรีประไพวนาราม บ.ขามเตี้ยน้อย ต.นาขมิ้น อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม พระเกจิ สายป่าชื่อดังภาคอีสาน เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาในพื้นที่ จ.นครพนม และจังหวัดใกล้เคียง

เป็นศิษย์สืบสายธรรมจาก หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต แห่งวัดป่าอุดมคงคาเขตคีรี อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น

มีนามเดิมว่า นายประไพ ไชยพันธ์ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 พ.ค.2468 ที่บ้านขามเตี้ยน้อย อ.ท่าอุเทน (ปัจจุบัน อ.โพนสวรรค์) มีพี่น้อง 7 คน ในจำนวนชาย 3 หญิง 4 คน ท่านป็นบุตรคนที่ 2

ช่วงวัยเด็กจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่โรงเรียนบ้านขามเตี้ยน้อย มีอาชีพช่วยครอบครัวทำนา

กระทั่ง พ.ศ.2489 ขณะอายุ 21 ปี คัดเลือกทหารกองเกินรับใช้ชาติ กระทั่งปลดประจำการในเวลาต่อมา จึงมาทำไร่ทำสวน ก่อนแต่งงานอยู่กินกับภรรยา

ต่อมา ท่านและภรรยา ล้มป่วยลงโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงขออนุญาตภรรยาและญาติพี่น้องเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ที่พัทธสีมาวัดท่าดอกแก้ว ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ฝ่ายมหานิกาย ขณะมีอายุ 24 ปี ครองผ้าเหลืองแค่ 1 ปี ต้องลาสิกขา ด้วยมีปัญหาด้านสุขภาพรุมเร้าเช่นเคย

ชีวิตอยู่ในเพศฆราวาสนาน 10 เดือน กับพบปัญหาทางโลกที่วุ่นวายไม่รู้จบ จึงตัดใจมุ่งแสวงหาพระธรรมอีกครั้งตามรอยผู้เป็นบิดา โดยเข้าอุปสมบทขณะอายุ 27 ปี ที่อุโบสถวัดป่าอิสระธรรม บ.วาใหญ่ อ.อากาศ อำนวย จ.สกลนคร ในฝ่ายนิกายธรรมยุต มี พระสีลา อิสสโร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อินตา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และมี พระอาจารย์แตงอ่อน กัลยาณธัมโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้ฉายา อัคคธัมโม แปลว่า ผู้มีธรรมเป็นเลิศ

ภายหลังอุปสมบท อยู่อุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์นาน 3 ปี จึงขออนุญาตออกเดินธุดงค์ไปกับพระรูปอื่นๆ โดยเน้นที่ป่าช้าเป็นที่ปักกลด ขณะไปจำพรรษาที่วัดป่าธรรมวิเวก อ.เมือง จ.ขอนแก่น ร่วม 3 ปี ทราบข่าวว่า หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตโต เป็นพระเกจิชื่อดังในขณะนั้นที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จึงเดินทางไปที่วัดป่าอุดมคงคาคีรีเขต อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เพื่อปวารณาฝากตัวเป็นศิษย์นับแต่นั้นมา

ท่านอยู่ที่วัดดังกล่าวศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดนาน 6 ปี จึงกราบลาพระอาจารย์ออกเดินธุดงค์ที่ จ.ชัยภูมิ และมุ่งหน้าเดินธุดงค์กลับสู่มาตุภูมิเดินธุดงค์นั่งปฏิบัติธรรมที่วัดในพื้นที่ จ.นครพนม อีก 10 แห่ง

ด้วยสังขารที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา ประกอบกับมีอายุมากและสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก ญาติโยมจึงนิมนต์มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าศรีประไพวนารามอย่างเป็นการถาวร

ตลอดช่วงระยะเวลาที่จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ แต่ละวันจะมีญาติโยม ตลอดจนลูกศิษย์จากหลายจังหวัด แวะเวียนไปกราบมิได้ขาด

อุปนิสัยของท่านอ่อนโยน โอบอ้อมอารีแก่ผู้อื่น ท่านมักจะสอนหลักธรรมให้พุทธศาสนิกชนที่แวะไปทำบุญเข้าใจง่ายๆ โดยหยิบยกคำสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์ และหลวงปู่ฝั้น อาจาโร แม่ทัพธรรมภาคอีสาน เทศนาสั่งสอน เป็นพระป่าที่มีลูกศิษย์ลูกหาเคารพและศรัทธาจำนวนมาก จนท่านไม่รับกิจนิมนต์ขณะอาพาธที่กุฏินาน 2 ปี

กระทั่งเมื่อเวลา 02.45 น. วันที่ 12 ก.ค.2560 ก็ละสังขารด้วยอาการสงบ ที่กุฏิ ท่ามกลางความเศร้าสลด

สิริอายุ 92 ปี พรรษา 64

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน