พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีความผูกพันใกล้ชิดกับพระบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ด้วยพระราชศรัทธาในคำสอน ก่อให้เกิด ความตั้งมั่นในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ประจักษ์ได้โดยการแสดงพระองค์ให้เห็นถึงความทรงเป็น“พุทธมามกะ” และทรงเป็น “พุทธศาสนูปถัมภก” ที่นับถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะอย่างเคร่งครัด อีกทั้งใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ยังเปี่ยมไปด้วยความเป็น“ธรรมราชา” ผู้ทรงปกครองแผ่นดินด้วยธรรมา นุภาพพรั่งพร้อมสมบูรณ์ด้วยทศพิธราชธรรม 10 ประการ จักรวรรดิวัตร 12 ประการ และสังคหวัตถุ 4 ประการ ดำรงพระองค์สืบสานพระราชจริยวัตรของสมเด็จพระบูรพมหากษัตรา ธิราชเจ้านับแต่สมัยสุโขทัยเนื่องมาจวบจนปัจจุบัน สมดังพระปฐมบรมราชโองการ ที่ทรงประกาศขณะประทับเหนือพระที่นั่งภัทรบิฐ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร ใน พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พุทธศักราช 2493 ที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุข แห่งมหาชนชาวสยาม”

ความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา ในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น หากแต่ยังได้รับการเกื้อกูลและจรรโลงศาสนา จาก “คู่พระบารมี” คือ สมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อีกด้วย

อันความกล่าวเช่นนี้เนื่องจากพระองค์มีพระราชศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนามาตั้งแต่เยาว์วัย ด้วยทรงมีพื้นฐานความรู้จากพระบิดาและทรงศึกษาพระธรรมพร้อมกับน้อมนำไปปฏิบัติตามอยู่เสมอ อีกทั้งยังทรงดำเนินรอยตามและแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะพุทธศาสนูปถัมภก ดังปรากฏในพระราชกรณียกิจนานัปการ เช่น ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลบุญกิริยาวัตถุโดยการพระราชทานสังฆทาน พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และทรัพย์ในส่วนของหลวงแก่โรงพยาบาลสงฆ์และทำนุบำรุงวัดต่างๆ ทรงสร้างพระพุทธรูปที่สำคัญ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาตามโบราณขัตติยราชประเพณี โดยเฉพาะการเสด็จพระราช ดำเนินไปทรงสดับพระธรรมเทศนาเป็นนิจในทุกวันธรรมสวนะ ยังผลให้พระองค์ทรงเข้าพระราชหฤทัยในพระธรรมอย่างถ่องแท้ น้อมนำมาซึ่งพระจริยวัตรอันเป็นแบบอย่างที่ดีงามแก่ประชาชน อีกทั้งทรงนำแสงสว่างแห่งธรรมเผยแผ่ออกไปให้ประชาชนทั่วหล้าได้มีดวงตาเห็นธรรม โดยให้จัดทำหนังสือธรรมะ พิมพ์พระราชทานแก่ประชาชนทั่วไป เป็นต้น
2
ภาพในอดีตจวบจนปัจจุบัน บอกเล่า เรื่องราวความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยและพระพุทธศาสนา และสะท้อนคุณค่าให้ประจักษ์แก่สายตาพสกนิกรชาวไทยได้อย่างงดงาม ทั้งบทบาทของพระมหากษัตริย์ไทยในการปกครองบ้านเมืองให้สงบสุขร่มเย็น ดั่งต้นโพธิ์ใหญ่ที่ให้ร่มเงา บำบัดทุกข์ บำรุงสุข มุ่งจำเริญวัฒนาให้แก่ชาติและประชาชน โดยมีพระธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็น “แก่น” ในการดำรงซึ่งทศพิธราชธรรมและจักรวรรดิ

อีกทั้งทรงดำรงตนเป็น “พุทธมามกะ”ผู้ซึ่งเปี่ยมด้วยพระราชศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนา เคารพยึดมั่นในพระรัตนตรัย พรั่งพร้อมด้วยพระปัญญาอันสามารถเข้าพระราชหฤทัยในพระสัทธรรม เพื่อน้อมนำไปปฏิบัติโดยทรงตั้งอยู่ในธรรม และทรงดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พสกนิกรชาวไทย รวมถึงการที่ทรงเป็น“พุทธศาสนูปถัมภก” ทรงอุปถัมภ์ค้ำชู จรรโลงพระพุทธศาสนา
3
ดังความในหนังสือพระมหากษัตริย์ไทยกับพระพุทธศาสนา กล่าวว่า “พระมหากษัตริย์ไทย ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ใน 4 มิติ คือ บำรุงศาสนธรรม อุปถัมภ์ศาสนบุคคล บันดาลดลศาสนวัตถุ ทำนุศาสนพิธี” ภาพเหล่านี้ประจักษ์ผลให้สถาบันพระมหากษัตริย์และพระพุทธศาสนาอยู่คู่กันมายาวนานเป็น “สองสถาบันค้ำชูชาติ” อัน นำมาซึ่งความเข้มแข็ง มั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองของชาติ

ดังพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่นำมาซึ่งคำ เปรียบเปรยชาติไทยที่ว่า “แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน