อริยะโลกที่6

“พระครูวรวุฒิคุณ” หรือ “ครูบาอิน อินโท” วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย) กิ่งอ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดเชียงใหม่

เกิดในครอบครัว “เขียวสุขคำ” ของนายหนุ่ม นางคำป้อ ที่บ้านทุ่งปุย กิ่งอ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2445

ครั้นเจริญวัย บรรพชาที่วัดทุ่งปุย เมื่ออายุ 15 ปี จนเมื่ออายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท โดยมีพระอธิการยศ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการกว้าง วัดสองแคว และพระอธิการอ้าย วัดทุ่งปุย เป็นพระคู่สวด

ได้รับฉายาว่า “อินโท” สอดคล้องกับนามเดิมของท่าน

ชีวิตภายหลังอุปสมบท ท่านพากเพียรเรียนธรรม ทั้งในฝ่ายปริยัติและปฏิบัติควบคู่กันไปอย่างจริงจัง เรียนพระธรรมวินัยและสมถกรรมฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน

จากนั้นเดินทางมาเรียนกัมมัฏฐานเพิ่มเติมที่วัดมหาธาตุฯ กทม.โดยฝึกกับพระเทพสิทธิมุนี(โชฎก ญาณสิทธิ ป.ธ.9) มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภเถร) ครั้งยังเป็นพระพิมลธรรม เป็นประธาน

ครูบาอาจารย์จากทางเหนือที่ไปร่วมปฏิบัติวิปัสสนาด้วยกัน คือ พระสุพรหมยานเถระ หรือครูบาพรหมจักร พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน, ครูบา อินทจักร วัดน้ำบ่อหลวง, พระธรรมมังคลาจารย์(พระอาจารย์ทอง สิริมังคโล) วัดร่ำเปิง

ด้านวิทยาคม ท่านศึกษาจากพระอุปัชฌาย์ และพระอาจารย์รูปอื่นๆ เพียงไม่กี่รูป ส่วนใหญ่แล้วจะศึกษาด้วยตนเองจากคัมภีร์โบราณ

และยังกระทำกิจของศาสนาอเนกประการ จนได้ตำแหน่งบริหาร คือ พ.ศ.2485 เป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งปุย พ.ศ.2494 เป็นเจ้าคณะตำบลยางคราม พ.ศ.2496 เป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2502 เป็นพระครูอิน (พระครูประทวน) พ.ศ.2506 เป็นพระครูวรวุฒิคุณ (สัญญาบัตร 1)

พ.ศ.2519 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้น 2 ในราชทินนามเดิม

ครูบาอินผูกพันกับวัดทุ่งปุยตั้งแต่บวชครั้งแรกจนได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส

อดีตวัดทุ่งปุย เป็นวัดร้างที่ได้รับการบูรณะ โดยครูบาคันธา สมภารรูปแรก เมื่อปี พ.ศ.2395 ก่อนที่จะได้รับการเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการว่า “วัดคันธาวาส”

ก่อนหน้าจะมาครองวัด ประมาณปี พ.ศ.2504 ท่านได้รับอาราธนาให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดฟ้าหลั่ง ซึ่งอดีตเคยเป็นวัดร้าง สามารถเรียกคณะศรัทธามาร่วมกันแผ้วถาง ก่อสร้างพัฒนาจนกลายเป็นวัดที่สมบูรณ์อีกครั้ง

สภาพของวัดที่เห็นในปัจจุบัน ท่านค่อยๆ สร้างขึ้นโดยยึดคติ “ค่อยๆ ทำไป” ไม่บอกบุญให้ใครเป็นทุกข์เดือดร้อน จนถูกเรียกขานอีกนามหนึ่งว่า “ครูบาฟ้าหลั่ง”

เมื่อวัดฟ้าหลั่ง มีความรุ่งเรืองขึ้น ท่านก็หวนกลับสู่บ้านเกิดในวัย 98 ปี อยู่จำพรรษาเป็นมิ่งขวัญของชาวบ้านทุ่งปุยมาจนถึงปัจจุบัน

แม้จะอายุมาก แต่ท่านปฏิบัติกิจวัตรประจำวันมิได้ขาด ทั้งทำวัตรเช้า-เย็น พร้อมกับเดินจงกรม นั่งสมาธิ ภาวนาตอนเช้ามืดและก่อนนอน พอใจในชีวิตที่เรียบง่าย

ตลอดเพศบรรพชิตท่านเป็นผู้ที่มีสติระมัดระวัง และรู้เท่าทันต่อเหตุการณ์อยู่เสมอ เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในวงการพระพุทธศาสนา และมีผู้ไปถามความเห็นจากท่าน ก็จะให้ข้อคิดที่ดี โดยยึดหลักธรรมะ ไม่เคยซ้ำเติมผู้ใดด้วยอคติหรืออารมณ์

วัตรปฏิบัติประจำวัน ท่านจะตื่นจำวัดตอนตี 4 ไหว้พระทำวัตร สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ เมื่อพระในวัดมาพร้อมกันที่กุฏิ ท่านก็จะเป็นผู้นำในการสวดมนต์ทำวัตรเช้า และนั่งสมาธิแผ่เมตตา

จะฉันประมาณ 8 โมงเช้า โดยฉันเพียงมื้อเดียว และไม่ฉันอย่างอื่นนอกจากน้ำ ตลอดทั้งวัน

อาพาธเข้าโรงพยาบาลครั้งแรก เมื่อ วันที่ 4 เม.ย. 2545 หมอวินิจฉัยว่าท่านติดเชื้อในปอด และน้ำท่วมหัวใจ พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กระทั่งถึงวันที่ 18 เม.ย. 2545 กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่วัดคันธาวาส (วัดทุ่งปุย) อาการดีขึ้น

ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2546 จนถึงวันที่ 12 เม.ย. 2546 เวลา 13.15 น. อาการเริ่มทรุดลง จนถึงเวลา 19.40 น. ครูบาอินละสังขารจากไปอย่างสงบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน