“หลวงปู่สี ฉันทสิริ” วัดเขาถ้ำบุญนาค จ.นครสวรรค์ พระเกจิสายวิปัสสนา เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวนครสวรรค์

พื้นเพเป็นชาวอำเภอรัตนะ จ.สุรินทร์ มีนามเดิม ลี เมื่อมีการใช้นามสกุล ท่านใช้นามสกุลว่า ดำริ เกิดเมื่อปีจอ พ.ศ.2392 ตรงกับปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3)

ชีวิตในวัยเด็กอยู่ท่ามกลางป่าเขา ติดตามบิดาออกล่าสัตว์มาเป็นอาหารและเก็บของป่าไปขาย

อายุ 11 ขวบ บิดานำไปฝากกับ พระอาจารย์อินทร์ พระธุดงค์ซึ่งเคยเป็นสหายเก่า จึงตามพระอาจารย์อินทร์ตระเวนธุดงค์ไปด้วยกัน จากป่าดงดิบ จ.สุรินทร์ จนกระทั่ง มาถึงกรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2403 จากนั้นได้พามากราบนมัสการพระสหธรรมิก คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์เป็นพระเทพกวี

สมเด็จพระพุฒาจารย์ สั่งสอนธรรมะและถ่ายทอดวิชาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อักขระขอม ไทย และวิทยาคม รวมทั้งการปฏิบัติสมาธิจิตจนแตกฉาน

พ.ศ.2407 มีการบวชพระและเณรจำนวน 108 รูป เพื่อฉลองสมณศักดิ์เป็นสมเด็จ พระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

หลวงปู่สี ขณะนั้นอายุ 15 ปี ได้บรรพชาด้วย โดยสมเด็จโต เป็นพระอุปัชฌาย์ และอยู่วัดระฆังฯ เพื่อศึกษาวิชากับสมเด็จโต อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำผงวิเศษทั้งห้าอันศักดิ์สิทธิ์

กระทั่ง ปี พ.ศ.2411 พระอาจารย์อินทร์ กลับจากธุดงค์แวะเยี่ยมสมเด็จโต สามเณรสีจึงขออนุญาตตามพระอาจารย์อินทร์กลับไปเยี่ยมบิดา-มารดา เมื่อกลับไปเห็นสภาพครอบครัวซึ่งมีความยากลำบาก จึงขออนุญาตสึกออกมาช่วยเหลือครอบครัว

ท่านใช้ชีวิตในวัยหนุ่มอย่างโชกโชน นอกจากช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนาแล้ว ยังมีอาชีพรับจ้างคุมฝูงวัวไปขายข้ามจังหวัด

อายุ 29 ปี เข้ารับราชการเป็นทหารเรืออยู่หลายปี แล้วออกมาประกอบอาชีพค้าวัวค้าควายอยู่ระยะหนึ่ง

อายุ 39 ปี เกิดความเบื่อหน่ายทางโลก จึงตัดสินใจอุปสมบทที่วัดบ้านเส้า ซึ่งอยู่ใน อ.บ้านหมี่ ปัจจุบันมี พระครูธรรมขันธ์สุนทร เป็นพระอุปัชฌาย์

จำพรรษาได้ระยะหนึ่งจึงออกธุดงค์มา จำพรรษาที่ถ้ำเขาไม้เสียบ ต.ช่องแค จ.นครสวรรค์ ฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานเป็นเวลา 3 ปี จากนั้นมา ท่านก็ถือปฏิบัติในการออกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย จากเหนือถึงใต้ ตะวันออกถึงตะวันตก รวมทั้งประเทศลาว ประเทศพม่าเลยไปประเทศอินเดีย เกือบตลอดระยะเวลาที่ท่านบวช ได้ไปสักการะสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนามากมาย

พบพานพระเกจิชื่อดังหลายต่อหลายรูป พระสหธรรมิกที่ท่านมีความสนิทสนมได้สนทนาข้อธรรมและแลกเปลี่ยนสรรพวิชาซึ่งกันและกัน มีอาทิ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า, หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ และ หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน

ท่านยังเป็นพระอาจารย์ของพระอริยสงฆ์ ชื่อดังหลายรูป เช่น หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่, หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.ชัยนาท และ หลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท เป็นต้น

จนอายุได้ประมาณ 90 ปี ท่านได้สร้างวัดหนองลมพุก อ.โนนสัง จ.อุดรธานี และอยู่จำพรรษามาโดยตลอด จนถึงปี พ.ศ.2512 ท่านพระครูนิวิฐปริยัติคุณ (พระอาจารย์สมบูรณ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำบุญนาค จึงไปนิมนต์ท่านลงมาช่วยสร้างวัดเขาถ้ำบุญนาค ซึ่งตอนนั้นยังเป็นสำนักสงฆ์เล็กๆ จนเจริญรุ่งเรืองสืบมา

จวบจนมรณภาพเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2520 สิริอายุ 128 ปี 89 พรรษา 7 แผ่นดิน บรรดาศิษยานุศิษย์จึงได้อัญเชิญสรีระของท่านซึ่งไม่เน่าเปื่อยบรรจุในโลงแก้ว แล้วประดิษฐานไว้ที่กุฏิหลังใหม่ เพื่อให้สาธุชนได้ไปกราบไหว้บูชา

ในทุกปีเมื่อครบวันมรณภาพก็จะมาร่วมกันทำพิธีสรงน้ำ และเปลี่ยนผ้าไตรจีวรให้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน