“พระครูพนมศีลาจารย์” หรือ “พระอาจารย์วสันต์ วังคีโส” เจ้าคณะอำเภอพนมดงรัก (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดป่าเขาโต๊ะ บ้านเขาโต๊ะ หมู่ 19 (ซอย 19) ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เป็นพระนักปฏิบัติและพัฒนา ที่ประชาชนในท้องถิ่นให้ความศรัทธา

ได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มีผลงานมากมาย ทั้งการศึกษา การพัฒนาเสนาสนะ การเผยแผ่เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ คิดและวิเคราะห์ ในหลักธรรมพระพุทธศาสนา

ปัจจุบัน สิริอายุ 59 ปี พรรษา 36

เกิดในตระกูล จิตรสมาน ภูมิลำเนา บ้านจางวาง ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.ค.2502 โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายบวนและนางเรีย เคลื่อนสุข

พ.ศ.2525 เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดนิคมพัฒนาราม มีพระราชวิสุทธิธรรมรังสี (หลวงปู่เปลี่ยน โอภาโส) เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นไปอยู่จำพรรษาที่วัดอัดแดก (สาขาหลวงปู่สาม) ต.กังแอน อ.ปราสาท

ลำดับการศึกษาสงฆ์ พ.ศ.2525 สอบได้นักธรรมชั้นตรี ที่สำนักเรียนวัดบูรพาราม พ.ศ.2533 สอบได้นักธรรมชั้นโท ที่สำนักเรียนวัดไตรรัตนาราม พ.ศ.2534 สอบได้ นักธรรมชั้นเอก ที่สำนักเรียนวัดไตรรัตนาราม พ.ศ.2536 จบการศึกษาโรงเรียนพระสังฆาธิการชั้นสูง คณะธรรมยุต

จบการศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์ คณะสังคมศาสตร์ เอกรัฐศาสตร์ (บริหารรัฐกิจ)

หลังจากศึกษาพระธรรมวินัย 1 พรรษา จากนั้นได้มีโอกาสไปที่วัดบูรพาราม เพื่อนมัสการหลวงปู่ดูลย์ อตุโล พระวิปัสสนา จารย์ สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เพื่อขอคำชี้แนะการปฏิบัติธรรม ได้รับความเมตา ให้ตั้งใจปฏิบัติ พร้อมชี้แนะแนวทางวิปัสสนากัมมัฎฐานโดยเน้นย้ำเรื่องจิตอย่าส่งออกนอก

จากนั้นไปปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่สาม อกิญจโน ที่วัดป่าไตรวิเวก ฝึกการนั่งสมาธิให้เป็น “หนึ่ง” ก่อนย้ายไปฝึกปฏิบัติธรรมที่วัดบวรสังฆาราม (หน้าเรือนจำจังหวัดสุรินทร์) โดยมีหลวงพ่อคีน เป็นพระอาจารย์ฝึกสอน

พ.ศ.2527 หลวงปู่กิม ทีปธัมโม พระสายวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีกำหนดจะไปแสวงบุญต่างจังหวัด ดังนั้น พระอาจารย์วสันต์จึงมีโอกาสไปร่วมธุดงค์กัมมัฏฐานที่ดินแดนใต้ จ.ชุมพร และ จ.ระนอง

ชาวบ้านในพื้นที่เมื่อทราบว่ามีพระภิกษุเดินทางมาจากดินแดนอีสาน จ.สุรินทร์ เข้ามา ปฏิบัติธรรมในบริเวนเทือกเขาใกล้หมู่บ้าน ได้พร้อมใจถวายภัตตาหารตลอดระยะเวลา 3 เดือน

วันที่ 28 พฤษภาคม 2528 พระอาจารย์วสันต์ เดินทางไปบ้านเขาโต๊ะ ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.บักได ได้พบเห็นภูมิทัศน์เนินเขาเตี้ยๆ เหมาะกับการสร้างวัดจึงพัฒนา สร้างศาลาการเปรียญเรือนไม้ สร้างกุฏิหลังเล็กๆ เรียงรายในป่า พร้อมพัฒนาบริเวนก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งมีรูปร่างต่างๆ เช่น แผ่นหินคล้ายโต๊ะ หินคล้ายกบ หินคล้ายเต่า และโพรงหินถ้ำเล็กๆ

อีกทั้งยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด อาทิ ไก่ป่า เก้ง กระจง กระต่าย เป็นต้น จึงพัฒนาสร้างถาวรวัตถุต่างๆ

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2543 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการสนามหลวงแผนกธรรม

ลำดับการปกครอง พ.ศ.2535 ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนปริยัติธรรม พ.ศ.2536 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลบักได (ธ)

พ.ศ.2538 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรชั้นโทที่พระครูพนมศีลาจารย์

พ.ศ.2544 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าเขาโต๊ะ พ.ศ.2545 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอกาบเชิง และ กิ่งอำเภอพนมดงรัก (ธ) และได้แต่งตั้งให้เป็นครูสอนวิชาพระพุทธศาสนาที่โรงเรียน แนงมุดวิทยา

พ.ศ.2559 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอพนมดงรัก (ธ.)

พระครูพนมศีลาจารย์ ได้จัดระเบียบการปกครอง ถือพระธรรมวินัยเป็นหลัก ยึดกฏระเบียบและคำสั่งของเถรสมาคมอย่างเคร่ง ครัด แบ่งหน้าที่รับผิดชอบเป็นแผนก ฝึกให้ทุกคนรู้จักหน้าที่ มีน้ำใจ

ท่านยังได้บำรุงรักษาเสนาสนะภายในวัดและทำให้ภายในวัดที่มีอุโบสถเก่าแก่ ถูกจัดเป็นภูมิทัศน์ได้อย่างเป็นสัดส่วน

ด้วยความเมตตากับคนทุกคนเสมอหนึ่งเหมือนญาติ แม้สังขารย่างเข้าวัย 60 ปี แต่ท่านยังคงปฏิบัติศานสนกิจอย่างเคร่งครัด แม้แต่ในช่วงเช้าท่านยังคงออกรับบิณฑบาต จากญาติโยมเป็นประจำทุกวันมิได้ขาด จนเป็น ที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวพุทธเมืองสุรินทร์

พร้อมกันนี้ ท่านยังให้ประชาชน หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมกันปลูกป่า และมอบสิ่งของ ให้ผู้สูงอายุเป็นประจำ

นับว่าเป็นพระภิกษุที่น่ายกย่องอีกรูปหนึ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน