“แทน ท่าพระจันทร์”

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ จังหวัดพัทลุง เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวใต้เคารพนับถือมาก พระเครื่องที่หลวงพ่อดิษฐ์ ได้สร้างไว้และมีความนิยมมากก็คือ พระสังกัจจายน์ และพระปิดตา เนื้อโลหะผสมซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2

หลวงพ่อดิษฐ์ เป็นชาวพัทลุงโดยกำเนิด เกิดที่บ้านดอนตาสังข์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2420 โยมบิดาชื่อ แก้ว โยมมารดาชื่อ นุ้ย เมื่อเยาว์บิดามารดาได้พาไปฝากเรียนหนังสือที่วัดควนกรวด กับพระอาจารย์รอด ได้ศึกษาภาษาไทยและหนังสือขอม หัดอ่านหนังสือสวดมนต์จนชำนาญ ต่อมาเมื่อมีอายุครบบวชในปี พ.ศ.2441 ท่านจึงได้อุปสมบทที่วัดปรางหมู่ ในตำบลปรางหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อบวชแล้ว หลวงพ่อดิษฐ์ก็ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดควนกรวด และได้ศึกษาวิชากับพระอาจารย์รอด

จนกระทั่งปี พ.ศ.2446 ชาวบ้านปากสระ ตำบลชัยบุรี อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ได้พากันเดินทางมานิมนต์เพื่อขอให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัด ปากสระ หลวงพ่อดิษฐ์จึงได้เดินทางไปรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปากสระแต่นั้นมา เมื่อได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดปากสระแล้วท่านก็เริ่มนำความเจริญและสร้างถาวรวัตถุภายในวัด ตลอดจนเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน ต่อมาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลชัยบุรี ในปี พ.ศ.2489 และต่อมาในปี พ.ศ.2497 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูเนกขัมมาภิมณฑ์”

หลวงพ่อดิษฐ์เป็นคนที่มีนัยน์ตาดุ และมีวาจาสิทธิ์ แต่ก็เป็นพระสงฆ์ที่มีเมตตาสูง ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอะไร เมื่อไปหาท่านให้ช่วยเหลือท่านจะช่วยทุกครั้งไป บางคนมีความเดือดร้อนเรื่องเงินทอง ถ้ามีท่านก็จะให้ทันที หลวงพ่อดิษฐ์จึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมาก หลวงพ่อดิษฐ์ไม่ยึดติดกับลาภสักการะ ในสมัยนั้นชาวบ้านต่างก็พาลูกหลานไปฝากกับท่าน ท่านก็เลี้ยงดูให้ได้เรียนได้ดิบได้ดีกันไปหลายคน

เมื่อปี พ.ศ.2507 หลวงพ่อดิษฐ์เริ่มอาพาธ พอถึงวันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2507 ก็ได้มรณภาพด้วยอาการสงบ ยังความเศร้าโศกเสียใจแก่ชาวบ้านและลูกศิษย์เป็นอย่างมาก สิริอายุได้ 87 ปี พรรษาที่ 66 เมื่อท่านมรณภาพแล้ว คณะกรรมการวัดและชาวบ้านได้สำรวจทรัพย์สินของท่าน ปรากฏว่าไม่มีทรัพย์สินใดๆ เลยนอกจากอัฐบริขารเท่านั้น

หลวงพ่อดิษฐ์ได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง เช่น ผ้ายันต์ซึ่งท่านจะเขียนยันต์เอง และตะกรุดโทน ท่านจะปลุกเสกและแจกเป็นรายๆ ไป ปัจจุบันหาชมยาก นอกจากนี้ยังได้สร้างพระปิดตาและพระสังกัจจายน์ เนื้อโลหะผสมไว้แจกแก่ชาวบ้านและลูกศิษย์ พระเครื่องของท่านนั้นจะสร้างด้วยความพิถีพิถันมาก โดยลูกศิษย์ที่เป็นทหารก็จะนำปลอกลูกปืนต่างๆ มาให้ท่านเป็นเนื้อโลหะ ชาวบ้านต่างก็นำภาชนะโลหะมาร่วมถวาย ท่านก็จะนำโลหะนั้นมาลงเหล็กจารปลุกเสกจนพอใจ แล้วจึงนำไปหลอมเป็นก้อน จากนั้นก็จะนำมาจารและปลุกเสกอีกครั้งจนแน่ใจ ท่านจึงนำไปตะไบให้เป็นผงเก็บรวบรวมไว้ เพื่อนำมาเป็นผงชนวนในการหล่อหลอมอีกทีหนึ่ง

จากนั้นชาวบ้านและลูกศิษย์จึงได้ช่วยกันทำแม่พิมพ์พระ และเมื่อได้โลหะในการที่จะสร้างพระพอแล้ว ท่านจึงได้ให้หล่อหลอมสร้างเป็นองค์พระขึ้น จากนั้นจะนำไปปลุกเสกเดี่ยวอีกครั้ง ท่านจะปลุกเสกพระเป็นเวลานาน จนพอใจแล้วจึงนำมาแจก พระที่สร้างก็หมดไปในเวลารวดเร็ว ท่านก็เริ่มสร้างใหม่ด้วยกรรมวิธีเดียวกัน และนำชนวนที่เหลือมาเป็นส่วนผสมด้วยทุกครั้ง พระที่ท่านสร้างในครั้งต่อๆ มาก็หมดทุกครั้ง เนื่องจากความเคารพศรัทธาในตัวท่านของชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหา เรียกว่าสร้างเท่าไรก็ไม่พอ เพราะชาวใต้ทั้งจังหวัดใกล้เคียงและไกลออกไปต่างก็ทยอยกันมารับจากท่านมากมาย

เรื่องประสบการณ์นั้นมีมากมาย มีคนเคยนำพระของท่านไปลองยิงดู ปรากฏว่ากระบอกปืนร้าวยิงไม่ออกไปหลายราย จนเป็นที่ครั่นคร้ามของพวกที่ชอบทดลอง พอบอกว่าเป็นพระหลวงพ่อดิษฐ์เท่านั้น ไม่มีใครกล้าทดลอง เป็นที่รู้กันทั่วในดินแดนใต้ ปัจจุบันจะหาพระเครื่องของท่านนั้นหาแท้ๆ ยากครับ และในวันนี้ผมจึงได้นำพระปิดตา พิมพ์มือไขว้ของหลวงพ่อดิษฐ์มาให้ชมกันครับ

ด้วยความจริงใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน