“เชิด ขันตี ณ พล”

“หลวงปู่ตา พุทธสโร” หรือ “พระครูพุทธิสุนทร” อดีต เจ้าอาวาสวัดบ้านเม่นใหญ่ ต.แก่งเลิงจาน อ.เมือง จ.มหาสารคาม เป็นพระกัมมัฏฐานที่มีวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลาย มีเมตตาธรรมสูง

เป็นพระเถระที่อยู่ในศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวมหาสารคามมาโดยตลอด

เกิดในสกุล สาพิมาน เมื่อวันที่ 26 เม.ย.2453 ที่บ้านเม่นใหญ่ ต.ท่าสองคอน จ.มหาสารคาม ประกอบอาชีพทำไร่ทำนา

เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จากโรงเรียนบ้านเม่นใหญ่ ต้องลาออกมาช่วยงานครอบครัว แต่ด้วยความเป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ บิดา-มารดา นำไปบรรพชาที่วัดในหมู่บ้าน

จนเมื่ออายุครบบวช พ.ศ.2475 เข้าพิธีอุปสมบท ที่วัดบ้านเม่นใหญ่ ต.ท่าสองคอน อ.เมือง โดยมีพระอธิการต้น วัดบ้านดงเค็ง เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ปลัดบุญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ศรี วัดบ้านเม่นใหญ่ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านเม่นใหญ่ มุมานะศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยจนแตกฉานในเวลาอันรวดเร็ว สอบได้นักธรรมชั้นตรี

เป็นพระที่เคร่งในปฏิบัติพระธรรมวินัย มักน้อยถือสันโดษ ในช่วงหลังออกพรรษาชมชอบที่จะออกธุดงควัตรไปตามป่าเขาแถบภาคอีสานพื่อแสวงหาความหลุดพ้น

เป็นผู้มีพุทธาคมด้วยวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลาย เริ่มเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนอย่างรวดเร็ว

นอกจากชื่อเสียงทางวิทยาคม ยังเป็นพระนักพัฒนาอันทรงคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศาสนสถาน ศาสนวัตถุ สิ่งปลูกสร้างต่างๆ อาทิ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิ เป็นต้น

ปัจจัยที่ได้รับนำไปช่วยเหลือสังคมชุมชน ก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนบ้านเม่นใหญ่จำนวน 1 หลัง รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนให้ครบครัน เพื่อให้บุตรหลานได้มีที่ศึกษาเล่าเรียน

พ.ศ.2485 ได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะตำบลท่าสองคอน พ.ศ.2490 เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านเม่นใหญ่ พ.ศ.2491 เจ้าคณะตำบลท่าสองคอน

พ.ศ.2495 เป็นเจ้าคณะตำบลแก่งเลิงจาน พ.ศ.2496 เป็นพระอุปัชฌาย์ ต.แก่งเลิงจาน

พ.ศ.2516 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ พระครูพุทธิสุนทร พ.ศ.2527 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูชั้นโทในราชทินนามเดิม

ช่วงปัจฉิมวัย หลวงปู่ตา เริ่มอาพาธ แต่ท่านมักจะฉันยาตำราหลวงเท่านั้น ไม่ยอมเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากตระหนักแล้วว่าความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจธรรมไม่มีใครหนีพ้นได้ จึงไม่ให้ความสนใจกับสังขารเท่าใด หลวงปู่เริ่มมีอาการอ่อนเพลีย หายใจไม่สะดวก

ปลายเดือนมีนาคม 2529 ญาติโยมได้นิมนต์ท่านเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดมหาสารคาม อยู่ประมาณเดือนเศษ หลวงปู่ก็ขอกลับวัด คล้ายกับรู้ว่าวาระสุดท้ายกำลังจะมาถึง

สุดท้าย หลวงปู่ตา มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2529 สิริอายุ 76 ปี พรรษา 51

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน