“ชยพล ปัญญาวิศิษฏ์กุล”

“พระราชภาวนามงคล” หรือ “หลวงพ่อโต่ง จิตตปาโล” อดีตเจ้าอาวาสวัดเภตราสุขารมย์ ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากชาวระยอง

มีนามเดิม สังวร คีรีวัล มีชื่อเรียกสามัญว่า โต่ง เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2464 ที่บ้านเลขที่ 80 ม.3 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ครอบครัวประกอบอาชีพชาวไร่-ชาวนา

อายุ 8 ขวบ เข้ารับการศึกษาในโรงเรียนวัดเภตราสุขารมย์ จบชั้นประถมปีที่ 4 ในปี พ.ศ.2477 ก่อนช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพ

จนกระทั่งมีโอกาสเข้ารับราชการเป็นตำรวจ ผ่านมา 5 ปี เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ผู้บังคับบัญชาย้ายให้ไปประจำการที่ อ.แหลม งอบ จ.ตราด ขณะนั้นได้รับเลื่อนยศเป็นสิบตำรวจโท

ขณะที่ประจำอยู่ที่แหลมงอบ ป่วยเป็นไข้ป่า จนทางบิดามารดาทราบข่าว ด้วยความเป็นห่วงบุตรชาย ทั้งสองถึงต้องตรากตรำเดินทางโดยทางเกวียน และเดินเท้าไปเยี่ยมดูอาการ

เมื่อท่านเห็นก็รู้สึกสงสารบิดามารดาอย่างจับใจ ประกอบกับยังไม่ได้บวชทดแทนคุณ จึงตัดสินใจลาออกจากราชการตำรวจ เข้าพิธีอุปสมบท ในวันที่ 4 มิ.ย.2489 โดยมีพระครู นิพันธ์ธรรมสาสน์ (เหลี่ยม จันทสโร) เจ้าคณะตำบลบ้านกร่ำ วัดกลางกร่ำ ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการสนธิ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการถวิล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า จิตตปาโล

หลังอุปสมบท ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเภตราสุขารมย์ ผ่านไป 2 พรรษา มีความคิดที่จะลาสิกขา ออกมาเพื่อช่วยกิจการงานที่บ้าน แต่เกิดเหตุ เมื่อท่านเตรียมตัวจะลาสิกขา จึงนำเสื้อผ้าที่เก็บไว้อย่างดีเมื่อครั้งก่อนบวช เตรียมนำมาสวมใส่ แต่พอนำเสื้อผ้าออกมา ต้องพบกับปลวกที่กัดทำลายเสื้อผ้าทั้งชุดจนเสียหาย ทำให้ฉุกคิดว่า “เราคงจะไม่มีฤกษ์ลาสิกขาเสียแล้ว” จึงล้มเลิกความตั้งใจ

หลังจากนั้น เดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรม ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เกี่ยวกับการวิปัสสนากัมมัฏฐาน และสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ

พ.ศ.2494 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดเภตราสุขารมย์ และตำแหน่งพระกรรมวาจาจารย์

เริ่มพัฒนาวัดอย่างต่อเนื่อง จากเดิมมีเพียงอุโบสถเก่า 1 หลัง กับกุฏิอีกไม่กี่หลัง ค่อยริเริ่มพัฒนาปลูกสร้างศาสนสถานที่จำเป็น ซ่อมกุฏิที่ชำรุดทรุดโทรม สร้างศาลาการเปรียญ สร้างอุโบสถ จัดสรรให้เหมาะสมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม

มีอุปนิสัยใจคอเยือกเย็น มักน้อย ถ่อมตนดำรงชีวิตด้วยความสมถะ วัตรปฏิบัติของท่าน ถือการเดินจงกรมและนั่งสมาธิภาวนาทุกวัน

อีกทั้งศึกษาวิชาจากพระเกจิคณาจารย์ที่มีวิชาในสมัยนั้น จนได้รับการนิมนต์ให้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกมาตลอด ทั้งยังเข้าร่วม ปลุกเสกกับร่วมกับหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ หลายครั้ง

ได้รับการพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนา ในราชทินนามที่ พระราชภาวนามงคล และยังดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะอำเภอเมือง รองเจ้าคณะจังหวัดระยอง และตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดระยอง โดยปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย

ช่วงบั้นปลายชีวิตของหลวงพ่อโต่ง สังขารเริ่มโรยราเกิดอาพาธบ่อยครั้ง สุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หลังตรากตรำรับใช้พระพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน สุดท้ายท่านมรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2557 เวลา 13.57 น.

สิริอายุ 92 ปี พรรษา 67

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน