ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2536 ครั้งนั้นก็ถือเป็นวาระแห่งความสูญเสียของชาวพุทธศาสนิกหนองคายและชาวไทยทั่วประเทศ ด้วย “พระครูปัญญาวิสุทธิ์” หรือ “หลวงปู่บัวพา ปัญญาภาโส” วัดป่าพระสถิตย์ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย พระเถระที่เป็นเสมือนหลักชัยแห่งศรัทธาของชาวหนองคาย ละสังขารด้วยอาการสงบ สิริอายุ 81 ปี พรรษา 61 ยังความอาลัยให้กับบรรดาลูกศิษย์ลูกหาเป็นอย่างยิ่ง

เป็นศิษย์ “หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล” บูรพา จารย์สายพระป่า

มีนามเดิมว่า บัวพา แสงศรี เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 ต.ค.2454 ที่บ้านบึงแก อ.มหา ชนะชัย จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันเป็นจังหวัดยโสธร) ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

ต่อมา บิดามารดาของท่านได้อพยพไปตั้งหลักแหล่งใหม่ที่บ้านกุดกุง ต.สงเปลือย อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร

อุปนิสัยเป็นคนพูดน้อย มีความเคารพนอบน้อมเชื่อฟังผู้ใหญ่ เป็นคนว่าง่ายสอนง่าย ไม่ชอบทำบาป มีจิตใจใฝ่บุญกุศลตั้งแต่เป็นเด็กตลอดมา

ครั้นพออายุครบบวช บิดามารดามีความปรารถนาอยากจะให้บวชก่อนจะมีครอบครัว บังเอิญในปีนั้นลูกชายของน้องสาวพ่อถึงแก่กรรม ลุงได้ขอร้องให้ท่านช่วยบวชอุทิศส่วนกุศลให้ จึงได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2475 ณ สีมาน้ำวัดบ้านกุดกุง อ.คำเขื่อนแก้ว จ.อุบลราชธานี มี พระอาจารย์มอน เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชฝ่ายมหานิกาย

ในพรรษาแรกอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านกุดกุง อยู่นอกบ้าน ห่างบ้านพอประมาณ ท่านฉันมื้อเดียว และฝึกหัดภาวนาอยู่ตามลำพังแต่องค์เดียว

มีอยู่วันหนึ่ง ท่านระลึกถึงเมื่อสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้อยู่ที่ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ พอดีภายในวัดบ้านกุดกุง มีต้นโพธิ์อยู่ต้นหนึ่ง ท่านจึงไปนั่งสมาธิที่โคนต้นพระศรี มหาโพธิ์ ในคืนวันนั้น ท่านรอให้เสียงผู้คนเงียบสงัดเสียก่อน จึงค่อยไปนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นโพธิ์โดยไม่มีใครรู้ พอไปถึงท่านกราบลง 3 ครั้ง แล้วนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก บริกรรม “พุทโธ” อยู่องค์เดียว ใช้เวลาภาวนาอยู่ไม่นานนัก จิตก็รวมสงบลงอย่างแน่วแน่ ท่านได้พบความสุขอยู่อย่างสุดซึ้งที่ใต้ต้นโพธิ์นั้นเอง นั่งสมาธิอยู่เกือบสว่าง พอได้ยินเสียงผู้คนออกไปตักน้ำที่กุดกุงตอนใกล้รุ่ง ท่านจึงเข้ามาทำข้อวัตรต่อที่กุฏิของท่าน

ครั้งหนึ่งท่านไปเมืองสกลนคร ได้เข้ากราบ นมัสการองค์ หลวงปู่เสาร์ ที่วัดป่าสุทธาวาส มอบกายถวายชีวิตต่อองค์หลวงปู่เสาร์ ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ขององค์ท่าน องค์ท่านก็เมตตารับไว้ แต่ตอนนั้นยังเป็นพระมหานิกายอยู่ จึงไปญัตติใหม่ เป็นพระธรรมยุต เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2478 ที่พัทธสีมาวัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม มี พระครูสารภาณมุนี (หลวงปู่จันทร์ เขมิโย) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระมหาพรมมา โชติโก เป็นพระกรรมวาจาจารย์

หลังจากญัตติกรรมเป็นพระธรรมยุตแล้ว เดินทางกลับมาวัดป่าสุทธาวาส อยู่กับหลวงปู่เสาร์ ได้รับใช้ครูบาอาจารย์ และได้ช่วยหมู่คณะอย่างเต็มที่

หลวงปู่บัวพา เป็นพระเถรผู้มีอุปนิสัยพูดน้อย มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ได้บำเพ็ญสมณธรรม ปฏิบัติศาสนกิจ อบรมสั่งสอนสานุศิษย์ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ให้ยึดมั่นในพระรัตนตรัย และสำเหนียกในไตรสิกขา อันเป็นแนวทางแห่งอริยมรรค

“คนเราควรใช้สติปัญญา ใช้ปัญญาเป็นกล้องส่องใจ จะได้รู้ว่าสภาพที่แท้จริงของ จิตเป็นอย่างไร” คำกล่าวบรรยายธรรมของ “หลวงปู่บัวพา” พระวิปัสสนาจารย์สายอีสาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน