เมื่อพุทธศักราช 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยา กลับคืนหลังถูกตีพ่ายในการสงคราม จากเมืองหลวงที่เคยเป็นดินแดนอันสวยงามกลับเหลือเพียงซากปรักหักพังด้วยผลของสงคราม การจะปฏิสังขรณ์ให้กลับคืนจึงเป็นเรื่องยากเพราะต้องใช้กำลังพลและทรัพยากรอันมหาศาล เพื่อจะทำให้เมืองที่รุ่งเรืองสุดขีดในครั้งนั้นให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม และด้วยพระเนตรพระกันฑ์อันยาวไกล กรุงธนบุรี จึงได้รับการสปานาเป็นราชธานีแห่งใหม่ จวบจนวันนี้ กรุงเทพมหานคร กลับกลายเป็นดินแดน ที่มีความเจริญและมีมนต์เสน่ ดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วโลก ต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต

ธีรพร คลินิก ตั้งอยู่เลขที่ 2 ถนนเจริญนคร เขตคลองสาน กรุงเทพ โดยนายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ (หมอชลธิศ) นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งอาเซียน และอดีตนายกศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย ได้นิมนต์ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม เป็นเจ้าพิธีในพิธีบวงสรวงและทำบุญอุทิศ ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันพระราชสมภาพ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยมีเหล่าคนดัง ศิลปิน ดารา และผู้มีเกียรติในสังคม รวมถึงลูกหลานชาวธนบุรี ได้พร้อมใจกันเข้าร่วมในพิธีอังมงคล เพื่อน้อมลำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

โดยในช่วงเช้า เวลา 10.00 น. พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้นำสวดเจริญพระพุทธมนต์ ทักษิณานุประทาน เวลา 11.00 น.เจ้าภาพถวายอาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยท้องฟ้าที่มีแสงแดดสาดมาถึงทั่วทั้งถนนเจริญนคร กลับเริ่มมืดครึ้ม และมีสายฝนตกลงมาเบาๆ สร้างบรรยากาศเย็นฉ่ำให้แขกผู้มีเกียรติที่เข้ามาร่วมในพิธีได้ฉ่ำเย็นเป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับการเริ่มพิธีการ

ต่อมาถึงเวลา มงคลฤกษ์ เวลา 16.09 พระครูปลัดสิทธวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าพิธีได้เริ่มพิธีบวงสรวงโดยอัญเชิญ รูปหล่อพระประธาน สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และมหาเทพ ขึ้นตั้งบนแท่นพิธีขณะสายฝนเริ่มตกโปรยปรายลงมาอย่างหนัก โดยมีอาจารย์เชน พงษ์พรหม ณภันทรไพบูลย์ อาจารย์กบ สักกเทพ วาณิช อ่านโองการบูชาเทพยดา พร้อมบูชาถวายเครื่องสังเวยต่อเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์

ในช่วงประกอบพิธีเหมือนสายฝนจะชะลอขาดเม็ด กลับแปรเปลี่ยนเป็นเกิดเป็นลมกรรโชก เสียงฟ้าร้องคำรามแผ่ดังไปทั่วพื้นที่ฝั่งธนบุรี ฝูงนกกา พากันบินวนเหนือซุ้มพิธี เป็นดั่งสัญญาณให้ลูกหลานฝั่งธน ได้รับรู้ว่าผ่านอีกขวบปีแห่งการเจริญก้าวหน้าแห่งอารยะ ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงได้วางรากฐานให้แด่ชนชาวสยาม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

สำหรับการจัดพิธีบวงสรวงเนื่องในวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ โดย ธีรพร คลินิก หนึ่งในลูกหลานชาวฝั่งธนบุรี ได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงสร้างประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับปวงชนชาวไทย โดยทรงอุทิศทั้งชีวิตเพื่อกอบกู้ให้ไทยเป็นไทย แม้เวลาจะล่วงผ่านแต่ไม่อาจทำให้คนไทยลืมเลือนได้เลย บรรยากาศภายในงานจึงปรากฏภาพแห่งความปิติของคณะผู้จัดงานและผู้เข้ามาร่วมงานเป็นอีกหนึ่งพิธีการที่หล่อหลอมรวมใจให้ทุกคนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระราชสมภาพเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 5 ขึ้น 15 ค่ำ ปีขาล ฉศก จุลศักราช 1096 ตรงกับวันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2277 ในแผ่นดินสมเด็จพระอยู่หัวบรมโกศพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา มีพระนามเดิมว่า สิน

เมื่อยังทรงพระเยาว์เจ้าพระยาจักรีได้ขอสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไปเลี้ยงเป็น บุตรบุญธรรม และได้ตั้งชื่อพระองค์ท่านว่า สิน พอนายสินอายุได้ 9 ขวบ เจ้าพระยาจักรีก็นำไปฝากให้เล่าเรียนหนังสืออยู่ในสำนักของพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาส ครั้นอายุได้ 13 ปี เจ้าพระยาจักรีได้นำนายสินเข้าถวายตัวรับราชการเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวบรมโกศ ตามประเพณีของการรับราชการในสมัยนั้น

ในระหว่างรับราชการเป็นมหาดเล็กนายสินได้พยายามศึกษาหาความรู้ทางด้านภาษาต่าง ประเทศหลายภาษา มีภาษาจีน ภาษาญวน และภาษาแขก จนสามารถพูดได้สามภาษาอย่างชำนิชำนาญ

ครั้นนายสินอายุได้ 21 ปี เจ้าพระยาจักรีได้ประกอบการอุปสมบทนายสินเป็นพระภิกษุสงฆ์อยู่ในสำนัก อาจารย์ทองดี ณ วัดโกษาวาส ( ปัจจุบันคือวัดเชิงท่า ) นายสินอุปสมบทอยู่ 3 พรรษา แล้วก็ลาสิกขาบทกลับมาเข้ารับราชการตามเดิม เนื่องจากนายสินเป็นผู้ฉลาดรอบรู้ขนบธรรมเนียมราชกิจต่าง ๆ โดยมาก จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายสินเป็นมหาดเล็กรายงาน ด้วยราชการทั้งหลายในกรมมหาดไทย และกรมวังศาลหลวง

พ.ศ. 2301 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จสวรรคต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอุทุมพรเสด็จเสวยราชสมบัติได้ 3 เดือนเศษ ก็ถวายสิริราชสมบัติแก่สมเด็จพระบรมราชาที่ 3 และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้นายสินมหาดเล็กรายงานเป็นข้าหลวงเชิญท้องตราพระราชสีห์ขึ้นไปชำระความหัว เมืองฝ่ายเหนือ ซึ่งนายสินได้ปฏิบัติราชการด้วยความวิริยะอุตสาหะและมีความดีความชอบมาก จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหลวงยกกระบัตรเมืองตาก ช่วยราชการอยู่กับพระยาตาก ครั้นเมื่อพระยาตากถึงแก่กรรมลงก็ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนหลวงยกกระบัตร (สิน) เป็นพระยาตาก ปกครองเมืองตากแทน

พ.ศ. 2308 พระยาตาก (สิน) ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เข้ามาช่วยราชการสงครามเพื่อป้องกันพม่าในกรุงศรีอยุธยา พระยาตาก (สิน) มีฝีมือการรบป้องกันพระนครอย่างเข้มแข็งมีความดีความชอบมาก จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น พระยาวชิรปราการ (สิน) สำเร็จราชการเมืองกำแพงเพชรแทนเจ้าเมืองเดิมที่ถึงแก่กรรม

พ.ศ. 2310 กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าในเดือนเมษายน พระยาตากก็สามารถกอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนได้ แล้วก็คิดจะปฏิสังขรณ์กรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นราชธานีใหม่ แต่เมื่อได้ตรวจความเสียหายแล้วเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาได้รับความเสียหายเป็น อันมากยากที่จะบูรณะให้เหมือนดังเดิมได้ และประกอบกับรี้พลของเจ้าตากมีไม่พอที่จะรักษากรุงศรีอยุธยาที่เป็นเมือง ใหญ่ได้ จึงเลือกเมืองธนบุรีเป็นราชธานี และได้อพยพผู้คนลงมาตั้งมั่นที่เมืองธนบุรี

เจ้าตากทรงทำพิธีปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ครองกรุงธนบุรี เมื่อวันพุธ เดือนอ้าย แรม 4 ค่ำ จุลศักราช 1130 ปีชวด สัมฤทธิศก ตรงกับวันที่ 28 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2311 ขณะมีพระชนมายุได้ 34 พรรษา ทรงนามว่า สมเด็จพระศรีสรรเพชญ์ หรือ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 แต่ประชาชนทั่วไปยังนิยมขนานพระนามพระองค์ว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน