ใครที่อ่านบทความ “ข้อเรียกร้องให้มีการอภิปรายการลงประชามติได้อย่างเปิดกว้าง” ของ 23 ทูตานุทูตที่ประจำอยู่ในประเทศไทย เปรียบเทียบกับ “ข่าวสารนิเทศ” จากกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศของไทย
เหมือนกับอยู่กันคนละ “โลก”
ที่ผ่านมา กรมสารนิเทศ ก็ดี กระทรวงการต่างประเทศ มักแถลงว่า ข้อมูลและความเห็นจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโดยบุคลากร ไม่ว่าจะเป็นสื่อ
ที่เข้าใจเช่นนี้เพราะไม่รู้ข้อเท็จจริง
แต่กับบทความ “ข้อเรียกร้องให้มีการอภิปรายการลงประชามติได้อย่างเปิดกว้าง” ซึ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้เหตุผลแบบเดิมๆ อีกแล้ว
เพราะว่าทูตานุทูตจาก 23 ประเทศนี้มิได้เป็นคนแปลกหน้า ตรงกันข้าม ท่านเหล่านี้ล้วนประจำอยู่ในประเทศไทย รับรู้สถานการณ์ทุกอย่างพอๆ กับที่คนไทยได้รับรู้อย่างครบถ้วน
ตรงนี้แหละทำให้ “บทความ” ทรงความหมายเป็นอย่างสูง
ข้อน่าประหลาดใจเป็นอย่างมากก็คือบทความ “ข้อเรียกร้องให้มีการอภิปรายการลงประชามติได้อย่างไร” มีการแปลและเผยแพร่ออกมาเป็น “ภาษาไทย”
นี่ย่อมดำเนินตามรอยเดียวกันกับสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทย
คงจำเหตุการณ์การพบและหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยได้
ครั้งนั้น กรมสารนิเทศระบุผู้แถลงข่าวจากกรุงวอชิงตันว่าเป็น “เสมียนเวรข่าว” ประจำวัน
แต่เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย แถลงยืนยันว่าเป็น “โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ” และแถลงอย่างเป็นทางการ ไม่เพียงแต่ยืนยันเป็นภาษาอังกฤษ หากแต่ได้มีเจ้าหน้าที่ออกมาแปลเป็นภาษาไทยทันทีทันความด้วย
ตรงนี้ “สะท้อน” อะไร
เมื่ออ่าน “ข่าวสารนิเทศ” ของกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปรียบเทียบกับบทความ “ข้อเรียกร้องให้มีการอภิปรายการลงประชามติได้อย่างเปิดกว้าง”
ทุกคนก็จะ “เข้าใจ” ในความจำเป็นต้องทำเช่นนี้
ไม่เพียงเพราะต้องการเห็นกระบวนการ “ประชามติ” เป็นไปในแบบสากล คือ ให้ทุกความเห็นได้แสดงตัวเองออกมาอย่างอิสระและเสรี เหมือนกับที่นานาชาติได้ทำมาแล้ว
หากที่สำคัญความเห็นต่อ “ประชามติ” ในแบบสากลยังไม่ตรงกันอีกด้วย
เพราะว่าบรรดาทูตานุทูตอันมาจากซีกโลกตะวันตกเป็นอย่างหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศของไทยเห็นอีกอย่างหนึ่ง
จึงจำเป็นต้องนำเอา 2 เอกสารมาอ่านและเปรียบเทียบ
จากที่นานาอารยประเทศนำเสนอ “บทความ” เรียกร้องอย่างตรงไปตรงมาต่อ “ประชามติ” ประเทศไทย
ฉายสะท้อนให้เห็น 1 กระบวนการประชามติของประเทศไทยมีปัญหา ขณะเดียวกัน 1 ที่หวังจะให้กระทรวงการต่างประเทศไทยเสนอต่อรัฐบาลและคสช.เพื่อแก้ไขให้เป็น “ประชาธิปไตย” ยากอย่างยิ่ง
ยากอย่างที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยัน