วิเคราะห์การเมือง : สถานะ พิเศษ ของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา รุก แปรเป็น รับ
ประยุทธ์ จันทร์โอชา – ถ้อยแถลงอันมาจาก นายวิษณุ เครืองาม ต่อโอกาสและความเป็นไปได้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะเข้าสู่กระบวนการ “ดีเบต”
ก็พอจะได้ “คำตอบ” ว่า ยากถึงขั้น “ยากส์”
ปมเงื่อนมิได้อยู่ที่ว่าระเบียบของกกต.จะเป็นอุปสรรคขัดขวางหรือไม่ เพราะในที่สุดแล้วการที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองใดจะดีเบตอย่างไรก็มิได้มีข้อห้าม
ประเด็นอยู่ที่สถานะและความเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากกว่า
การเป็นหัวหน้าคสช. การเป็นหัวหน้ารัฐบาล นั้นเองที่ทำให้การเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลายเป็นปัญหา
มิอาจเดินหน้าขึ้นเวทีได้โดยราบรื่น
แม้จะขานรับข้อเสนอของพรรคพลังประชารัฐให้ดำรงอยู่ในฐานะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ความเป็น แคนดิเดต นายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีความแตกต่าง
แตกต่างไปจาก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
แตกต่างไปจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แตกต่างไปจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล แตกต่างไปจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เพราะคนเหล่านี้ล้วนเป็น “สมาชิกพรรค”
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มิได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ จึงยากอย่างยิ่งที่จะเอ่ยถึงแนวทางและนโยบายของพรรค
ไม่ว่าจะเห็นด้วย ไม่ว่าจะไม่เห็นด้วย
ยิ่งฟังยิ่งเห็นความยุ่งยากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งเห็นความลำบากใจของพรรคพลังประชารัฐต่อการได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
การนำเอาภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาพิมพ์คู่กับผู้สมัครทำได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถพูดถึงนโยบาย “ประชารัฐ” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แต่เผลอระบุว่าเป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐไม่ได้
การตรวจราชการก็ต้องระวัง การดีเบตยิ่งต้องระวัง
สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเป็นยิ่งกว่าหัวหน้าหรือผู้นำ แต่ก็ไม่สามารถสำแดงตนในบทบาทเช่นนั้นได้
แรกที่มีบทบัญญัติให้สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงอย่างเป็นพิเศษในรัฐธรรมนูญ คนที่จัดการเรื่องนี้อาจถือเป็นจุดแข็ง
สร้างความได้เปรียบเป็นอย่างสูงทางการเมือง
แต่เมื่อโหมดแห่งการเลือกตั้งใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา กระทั่งเหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 1 เดือนเต็ม สภาพการณ์ทางการเมืองก็เริ่มแปรเปลี่ยน กลับกลายเป็นความยุ่งยาก กลับกลายเป็นปัญหา
ที่คิดว่ารุกก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเช่นนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
