ช่องว่าง ต่างวัย สารจาก นายกรัฐมนตรี กับ คนรุ่นใหม่
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ช่องว่าง ต่างวัย สารจาก นายกรัฐมนตรี กับ คนรุ่นใหม่ – แรกที่ปรากฏ “ปฏิกิริยา” ความไม่พอใจจากจุดอ่อนและความบกพร่องของกกต.ต่อการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม เสียงปรามไม่ว่าจะมาจากคสช. ไม่ว่าจะมาจากผบ.เหล่าทัพ
เน้นอย่างหนักแน่นและจริงจังไปยัง “คนหน้าเดิม”
คนหน้าเดิมที่เคยเคลื่อนไหวหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 คนหน้าเดิมที่เคยเรียกตนเองว่า “คนอยากเลือกตั้ง”
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปการมองต่อ “คนหน้าเดิม” ก็เริ่มเปลี่ยน
หากหยิบเอา “สารจากนายกรัฐมนตรี” มาอ่าน ขณะเดียวกัน หากรับฟังถ้อยคำแถลงยาวเหยียดจากผบ.ทบ.ก็จะเข้าใจจาก “รายละเอียด”
สารจากนายกรัฐมนตรีเน้นอย่างหนักแน่นโดยเรียกร้องไปยัง “ผู้ปกครอง” ขณะเดียวกัน ก็เตือนไปยัง “ครูบา อาจารย์”
แถลงผบ.ทบ.เน้นตรงไปยัง “นิสิต นักศึกษา”
เพียงเห็นเช่นนี้ก็รู้แล้วว่า กรอบและขอบเขตการสื่อมิได้พุ่งไปยังบุคคลประเภท “จ่านิว” หรือบุคคลประเภท “เอกชัย” หรือ “ทนายอานนท์” อีกแล้ว
ตรงกันข้าม พุ่งไปยัง นิสิต นักศึกษา
สะท้อนให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่ 24 มีนาคม มีมาจากบรรดา “นิวโหวตเตอร์” ที่มีส่วนกับการเลือกตั้งโดยตรง
แม้ว่าแถลงของผบ.ทบ.จะยอมรับว่า มีปัญหาตั้งแต่การยังไม่เข้าใจอย่างเพียงพอต่อโซเชี่ยลมีเดีย กระทั่งปัญหาการสื่อสารที่ไม่ตรงกับความต้องการของผู้รับ
แม้จะตระหนักว่าโซเชี่ยลเป็นเครื่องมืออันทรงพลัง
แต่หากศึกษาแต่ละถ้อยความภายใน “สารจากนายกรัฐมนตรี” และแต่ละถ้อยคำอันซึมแทรกอยู่ภายในแถลงยาวเหยียดจากผบ.ทบ.
ก็จะสัมผัสได้ในบทสรุปและความเข้าใจที่แตกต่างกัน
ปัญหาที่ดำรงอยู่ระหว่าง 2 ฝ่ายรับรู้ผ่านภาษา ขณะเดียวกัน ภาษาที่ใช้ออกก็สะท้อนความคิดอันแผกต่างในลักษณะที่มี “ช่องว่าง” ถ่างออกอย่างเด่นชัด
หากถือเอาพรรคอนาคตใหม่เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ หากยึดเอาชัยชนะที่พรรคอนาคตใหม่ได้มาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม
ปัญหาทางการเมืองในขณะนี้สะท้อนออกอย่างเด่นชัด
เด่นชัดในช่องว่างระหว่างผู้ใหญ่เช่นนายกรัฐมนตรี เช่น ผบ.ทบ.กับเด็กรุ่นใหม่ที่เรียกขานผ่านคำว่านิสิตและนักศึกษา และรวมไปถึงพรรคการเมืองอย่างพรรคอนาคตใหม่
นี่คือบทสรุปและมุมมองอันสะท้อนจุดต่างระหว่าง “วัย” ของคนต่างรุ่น