จุดตัด การเมือง 24 มีนาคม หลังเลือกตั้ง จาก อนาคตใหม่
วิเคราะห์การเมือง – ไม่ว่าการเชิญชวนชาวฟิวเจอริสต้าไปร่วมสังเกตการณ์การนับคะแนนใหม่ที่เขตเลือกตั้ง 1 นครปฐมในตอนเช้า ไม่ว่าการเชิญชวนเข้าร่วม ฟิวเจอร์ อีส นาว ที่สำนักงานพรรคอนาคตใหม่
ถูกมองว่าเป็นการระดม “มวลชน” อย่างอึกทึก
กระนั้น หากใครติดตามภาพการจัดงาน ฟิวเจอร์ อีส นาว ครั้งที่ 1 ณ ร้านสุดสะแนน จังหวัดเชียงใหม่ ก็จะตระหนักว่ามิได้เป็นอย่างที่กล่าวหา
1 เป็นงานขายของ 1 เป็นงานหาสมาชิก 1 เป็นงานสังสรรค์
เพียงแต่ ฟิวเจอร์ อีส นาว ครั้งที่ 1 เป็นการให้การศึกษาเรื่องกฎหมายโดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล ขณะที่ ฟิวเจอร์ อีส นาว ครั้งที่ 2 เป็นการพูดถึงยุโรปโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ในความเป็นจริง พรรคอนาคตใหม่กำลังสร้าง “ภาพ” ใหม่ของพรรคการเมือง ที่ทุกอย่างมิได้จบลงในสนามการเลือกตั้ง หากแต่มีความต่อเนื่อง
พรรคการเมืองในอดีตสนใจเพียง “การเลือกตั้ง”
ก่อนการเลือกตั้งจึงคึกคักอย่างยิ่ง ระหว่างหาเสียงจึงคึกคักอย่างยิ่ง แต่พอจบการเลือกตั้งทุกอย่างก็เงียบและค่อยๆ จางหายไป
พรรคอนาคตใหม่มิใช่แบบนั้น หากจงใจเคลื่อนไหวตลอด
ฟิวเจอร์ อีส นาว จึงมิได้มีครั้งเดียว ตรงกันข้าม มีครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 เปลี่ยนกาละ เปลี่ยนเทศะไปเรื่อย โดยมีพรรคอนาคตใหม่เป็นใจกลางและเป้าหมาย
ไม่ว่าในที่สุดผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมจะมีบทสรุปอย่างไร พรรคการเมืองใดจะได้จัดตั้งและเป็น แกนนำในรัฐบาล
แต่ที่เด่นชัดก็คือ พรรคอนาคตใหม่ยังก้าวต่อไป
ตัวอย่าง 1 เห็นได้จากกิจกรรม ฟิวเจอร์ อีส นาว อีกตัวอย่าง 1 คือการตระเตรียมเข้าสู่สนามเลือกตั้งระดับท้องถิ่น
อาศัยสาขา 77 สาขาทั่วประเทศเป็นหัวใจ
ตรงนี้เองที่สร้างจุดต่างของพรรคอนาคตใหม่อย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นจุดต่างอยู่ที่การสถาปนาพรรคการเมืองอันเป็น “พรรคมวลชน” มิใช่ “พรรคสภา” อย่างที่เป็นกัน
พลันที่พรรคอนาคตใหม่ปรากฏตัว พลันที่พรรค อนาคตใหม่ขับเคลื่อนผ่านกระบวนการเลือกตั้งใน วันที่ 24 มีนาคม เป็นต้นมา
การเมืองไทยก็บรรลุจุดเปลี่ยนอย่างสำคัญ
การเมืองในอนาคตมิได้เป็นเหมือนก่อนรัฐประหาร 2549 มิได้เป็นเหมือนก่อนรัฐประหาร 2557 หากแต่จะเป็นอีกโฉมหนึ่งซึ่งแตกต่างออกไป
เป็นความแตกต่างที่พรรคอนาคตใหม่มีส่วนอย่างสำคัญ
อ่านข่าว