วิเคราะห์การเมือง : ปัญหาการเมืองจากธรรมนัส พรหมเผ่าในมือเพื่อไทย
ปัญหาการเมืองจากธรรมนัส พรหมเผ่าในมือเพื่อไทย : กรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็เหมือนกับกรณีของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หากมองจากมุมของพรรคเพื่อไทย
นั่นก็คือ อยู่ในภาวะ “น้ำท่วมปาก”
เพราะว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็เคยเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวงตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย เพราะว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เคยเป็นถึงเลขาธิการพรรค
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เคยอยู่ใน “บัญชีรายชื่อ” พรรคเพื่อไทย
เห็นได้จากเสียง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อุทธรณ์ว่าตอนบรรจุในระบบ “บัญชีรายชื่อ” พรรคเพื่อไทย ทำไมไม่เห็นมีเรื่อง แล้วเหตุใดตอนนี้จึงมีเรื่อง
สภาพที่ดำรงอยู่ในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดกระทั่งการที่พรรคพลังประชารัฐใช้พลังดูดต่อคนของพรรคเพื่อไทย
นั่นแหละคือเงาสะท้อนสำคัญทางการเมือง
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคไทยรักไทยมาก่อนมิใช่หรือ ตอนนี้จึงไม่ต่างไปจากกรณีของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
ยิ่ง นายอุตตม สาวนายน ยิ่งเด่นชัด
หากไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แห่งพรรคไทยรักไทย คงไม่สามารถไปนั่งเป็นบอร์ดอยู่ในธนาคารกรุงไทยได้ในปี 2546 ได้
ถามว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เคยเข้าไปมีบทบาทอยู่ในพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร และผ่านเส้นสนกลในใดของพรรคเพื่อไทย
บรรดานักการเมือง “ภาคเหนือ” ย่อมรู้อยู่เป็นอย่างดี มิใช่หรือ
แล้วเหตุใด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้แปรไปอยู่ในสถานะ “เส้นเลือดใหญ่” ในการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มิได้เป็นความลับแต่อย่างใด
เรื่องนี้ภายในพรรคเพื่อไทยย่อมรู้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งมาแล้ว
มิเช่นนั้น คงไม่มีการระดมนายตำรวจใหญ่ที่นำโดย พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก เพื่อไปช่วยผู้สมัครส.ส. พรรคเพื่อไทยที่จังหวัดพะเยาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างสูง
ปัญหาอันเป็นผลสะท้อนจากกรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จึงน่าจะเป็นบทเรียนอันมากด้วยคุณค่าต่อพรรคเพื่อไทยและต่อผู้บริหารชุดใหม่
ไม่ว่าหัวหน้าพรรค ไม่ว่าเลขาธิการพรรค
ปัญหาที่พรรคเพื่อไทยแบกรับนอกเหนือจากเป็นปัญหาใหม่จากสถานการณ์ใหม่ ยังเนื่องแต่ปัญหาเก่าในสถานการณ์เก่าอีกด้วย
หากไม่เข้าใจก็ยากยิ่งที่จะ “ปฏิรูป” ให้พรรคพัฒนาต่อไปได้