ร้องเรียน อธิบดีสรรเสริญ ประชาสัมพันธ์ ตีวัวกระทบคสช.
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ร้องเรียนอธิบดีสรรเสริญประชาสัมพันธ์ตีวัวกระทบคสช. : ไม่เพียงแต่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เท่านั้นที่ตกเป็นเป้า หากแต่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ก็กำลังถูกลากเข้ามาในวงจรแห่งความขัดแย้งทางการเมือง
หากถือว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คือ เส้นเลือดใหญ่
ก็ต้องยอมรับว่า สถานะและการดำรงอยู่ของ พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด แนบแน่นอยู่กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาอย่างยาวนาน
ยาวนานตั้งแต่ยังเป็น พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแจ้งเกิดในตำแหน่งโฆษกศอฉ. ในสถานการณ์เมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 ร่วมกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
หากถือว่าภาพการเดินทางไปสวมหมวกเชฟทรงสูงยืนเรียงเคียงคู่กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ บนเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี คือการยืนยันสายสัมพันธ์
เป็นสายสัมพันธ์ตั้งแต่ยุครัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ก็ต้องยอมรับว่า การที่มีหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบบทบาทของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เท่ากับเป็นการตีวัวกระทบคราด
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เสมอเป็นเพียง “ทางผ่าน”
เพราะเนื้อหาใหญ่ใจความก็คือ การนำเอาสถานะแห่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ไปมีส่วนช่วยพรรค พลังประชารัฐในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ถามว่าพรรคพลังประชารัฐสำคัญอย่างไร ถามว่าพรรค การเมืองใดทำให้การสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสบผลสำเร็จ
ถามว่าแล้วทำไมต้องเป็นกรรมาธิการป.ป.ช. ของสภา
ยิ่งกว่านั้น การร้องเรียนครั้งนี้ก็มิได้เกิดขึ้นอย่างธรรมดาปกติ ตรงกันข้าม คนที่แสดงบทบาทอย่างเต็มที่ถึงกับเป็นรองอธิบดีเล่นเอง
เป็นรองอธิบดี “กรมประชาสัมพันธ์”
นั่นเท่ากับแสดงให้เห็นว่า ความไม่พอใจต่อการทำงานของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ไม่ได้มาจากภายนอก หากแต่มาจากภายใน
และใช้กลไกทาง “รัฐสภา” เป็น “เครื่องมือ”
นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา นี่เป็นการลูบคมคสช. อันกระทบโดยตรงไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หากไม่มี “เลือกตั้ง” คงไม่เกิดขึ้น
การเลือกตั้งนั้นเองเป็นเงื่อนไขให้เกิดสภาผู้แทนราษฎร เป็นเงื่อนไขให้เกิดคณะกรรมาธิการ อันนำไปสู่การตรวจสอบ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อันกระทบถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
คำถามจึงอยู่ที่ว่าจะจัดการกับ “การเลือกตั้ง” อย่างไร
