จังหวะการเมืองยกระดับเข้าสู่ “สงคราม”ปม “รัฐธรรมนูญ”
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
จังหวะการเมืองยกระดับเข้าสู่ “สงคราม” : เป้าหมายของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เป้าหมายของกายกรรมทางการเมืองอย่างที่เรียกว่าอภินิหารในทางกฎหมายเป้าหมายแท้จริงอยู่ที่ใด
1 อยู่ตรงที่เอาชนะในทางการเมือง
นั่นก็คือ การสร้างปัญหาให้กับฝ่ายตรงกันข้าม นั่นก็คือ การสร้างแต้มต่อให้กับตนเอง เพื่อให้สมกับบทสรุปอันคมเฉียบที่ว่า
“รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา”
ขณะเดียวกัน 1 ปัญหาอันเกิดจากรัฐบาลเสียง “ปริ่มน้ำ” อันเป็นแหล่งที่มาแห่งปรากฏการณ์ “สภาล่ม” ก็มีที่มาจากรัฐธรรมนูญ มาจากอภินิหารทางกฎหมายนั่นเอง
ไม่ว่าคนที่รักและหวงแหนรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 อย่างลึกซึ้งตรึงตราระดับ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ไม่ว่าคนที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างชนิดยกเครื่องระดับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล
ล้วนยืนอยู่กับ “บทสรุป” ตรงกัน
นั่นก็คือ ปัญหานับแต่หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 เป็นต้นมา จำนวนไม่น้อยล้วนมีรากฐานมาจาก พลานุภาพแห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
และรวมถึงอภินิหารในทางกฎหมายจากมือของ “รัฐบาล”
ปมเงื่อนอยู่ที่ว่า เมื่อเห็นว่าเป็นปัญหาฝ่ายรัฐบาลก็อยากจะรักษาเอาไว้และพยายามปิดจุดอ่อนรอยโหว่ ขณะที่ฝ่ายค้านก็อยากที่จะแก้ไขหรือแม้กระทั่งยกเครื่องใหม่เลย
ระยะเวลาจากเดือนมีนาคมมาถึงเดือนธันวาคมภายหลังการเลือกตั้งมีรูปธรรมมากมายอันสะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
เตือนให้ตระหนักว่าจะต้องทำอะไรกับ “รัฐธรรมนูญ”
พรรคฝ่ายค้านในยุคใหม่ไม่เพียงแต่จะต้องจัดการ เคลื่อนไหวในลักษณะ “อีเวนต์” เพียงอย่างเดียว หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังต้องเอาจริงเอาจังกับการต่อสู้กับเรื่องนี้
อาจถึงขั้นต้องมี “คณะกรรมการ” ประจำ คณะกรรมการ “พิเศษ”
เป็นกรรมการเฉพาะกิจเพื่อรวบรวมจุดอ่อน ช่องโหว่ และผลสะเทือนในด้านเสียในด้านลบมาจัดวางอย่างเป็นระบบเพื่อเป็นเครื่องมือในการรณรงค์
การเมืองยุคใหม่ได้เข้าสู่โหมดแห่ง “การต่อสู้” ที่ ดุเดือดและรุนแรงจนถึงขั้นเป็น “สงคราม” แล้วในทางเป็นจริง มิได้เป็นการเมือง “เรื่องสนุก” หรือเป็นการละเล่นอีกแล้ว
ไม่ว่ามอง “รัฐบาล” ไม่ว่ามอง “ฝ่ายค้าน”
และประเด็นอันเป็นเรื่องร้อนและดำเนินไปในลักษณะอันเป็นการรวมศูนย์ความขัดแย้งอย่างจริงจังมากที่สุดก็คือประเด็นอันเกี่ยวกับ “รัฐธรรมนูญ”
นี่คือโจทย์ที่ทุกฝ่ายจักต้องนำมาเป็น “วาระ”