โยนหิน ถามทาง
กรณี แก้ไข รัฐธรรมนูญ
จาก ชวน หลีกภัย
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง – หากการตั้งข้อสังเกตต่อการดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว.ของ 6 ผบ.เหล่าทัพโดย นายชวน หลีกภัย เป็นการโยนหินถามทางในทางการเมือง
ก็ถือว่าได้ผล
ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ล้วนออกมาปกป้องสถานะและการดำรงอยู่ของ 6 ผบ.เหล่าทัพในตำแหน่ง ส.ว.
บนพื้นฐาน รัฐธรรมนูญ DESIGN เพื่อพวกเรา
กระนั้น เป้าหมายอย่างแท้จริงของการตั้งข้อสังเกตนี้มิได้อยู่กับฝ่ายที่ไม่อยากแก้ไขเพิ่มเติม หากแต่อยู่กับฝ่ายที่ต้องการแก้ไขเพิ่มเติมมากกว่า
จะตอบคำถามนี้ได้มีความจำเป็นต้องหาคำตอบว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญเป็นเงื่อนไข 1 ในการร่วมรัฐบาลมีความจริงใจแค่ไหน
หากถามพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องได้คำตอบว่า จริงจัง
เพราะหากไม่จริงจังพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ยืนหยัดในเงื่อนไขนี้จนถึงตอนค่ำของวันที่ 4 มิถุนายน กระทั่งได้รับ คำตอบจึงตอบตกลง
และหากไม่จริงจังคงไม่กดดันให้เป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วน
และหากไม่จริงจังพรรคประชาธิปัตย์คงไม่รุก ด้วยญัตติด่วนจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหาแนวทางการแก้ไขร่วมไปกับพรรคฝ่ายค้าน
จากนี้จึงเห็นได้ว่าเพราะมีความจริงจังเช่นนี้นั่นเองพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่เพียงแต่จะพยายามผลักดันให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ
อันเป็นกลยุทธ์เดียวกันกับที่ นายชวน หลีกภัย ออกโรง
เพราะหากไม่มีการเคลื่อนไหวโดยการเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะหากไม่มีการออกโรงโยนหินถามทางผ่านกรณีการตั้ง 6 ผบ.เหล่าทัพเป็น ส.ว.
จะหยั่งรู้ “ปฏิกิริยา” จากฝ่ายที่ไม่ต้องการแก้ไข หรอกหรือ
ผลก็คือมีการดูดเอา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มาชนกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผลก็คือ ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ล้วนออกมาขวาง นายชวน หลีกภัย
ท่าทีของรัฐบาล ท่าทีของพรรคพลังประชารัฐ ในห้วงแห่งปลายปี 2562 กับต้นปี 2563 เด่นชัดยิ่งว่าต้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจริงหรือไม่
คำตอบเด่นชัดว่าไม่ต้องการ
คำตอบเด่นชัดว่าการผลักดัน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มาเป็นประธานก็เพื่อขัดขวางมากกว่าต้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง
ความเป็นจริงนี้สำคัญยิ่งต่อฝ่ายต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ