วันที่ 30 พ.ย. พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมตำรวจชุดสืบสวน ควบคุมตัว น.ส.ปะไพ เวียงสง่า อายุ 20 ปี ชาว สปป.ลาว หลังสืบสวนทราบว่า เป็นคนนำเด็กทารกเพศชายกำลังแบเบาะมาทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 60/49 ในซอย 12 ถนนพัทยาสาย 3 ย่านพัทยากลาง เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.อภิชัย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก หลังพบเด็กทารกก็ได้สอบสวนเจ้าของบ้าน จนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นหญิงสาวชาวลาวนั่งอยู่หน้าบ้านโดยอุ้มลูกน้อยไว้ในอ้อมกอด เมื่อสอบถามหญิงคนดังกล่าวอ้างว่ามานั่งรอเพื่อน ก่อนที่จะทิ้งเด็กไว้แล้วหลบหนีไป เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าเจ้าตัวเป็นคนทิ้งลูกจริงๆ จึงออกสืบสวนหาข่าว และนำภาพถ่ายเผยแพร่ไปในโลกโซเชียล กระทั่งมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสว่า พบผู้ต้องสงสัยลักษณะใกล้เคียงกับบุคคลในภาพ กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้านมีดีแจ่วฮ้อน ซอยอรุโณทัย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ จึงเดินทางไปตรวจสอบ และพบ น.ส.ปะไพ นั่งอยู่ในร้านดังกล่าว ตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าการอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้สิ้นสุดลงแล้ว

จากการสอบสวน น.ส.ปะไพ ให้การรับสารภาพโดยอ้างว่า ตนเป็นแม่ของเด็กคนดังกล่าวและเป็นคนลูกไปทิ้งจริง ก่อนหน้านี้ตนทำงานอยู่ที่บาร์เบียร์พัทยา และพักอาศัยอยู่ที่ลิตเติ้ลคอร์ด ในซอยบัวขาว กระทั่งรู้จักกับ นายเจ (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) อายุ 35 ปี นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองพัทยา และคบหากันอยู่นาน 3 เดือน กระทั่งเมื่อ 7 เดือนที่แล้วนายเจ ได้บอกเลิกและเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่น และมารู้ตัวภายหลังว่าตนตั้งท้อง 2 เดือน โดยที่พ่อเด็กไม่รู้เรื่อง

ตอนแรกตนไม่รู้จะทำอย่างไร และไม่กล้าปรึกษาใคร เพราะวีซ่าหมดอายุ แต่ตนก็ไม่เคยคิดเอาเด็กออก ยังคงทำงานและปล่อยให้ท้องอยู่นานเกือบ 9 เดือน โดยอาศัยเช่าห้องพักรายวันอยู่ที่ลิตเติ้ลคอร์ด ในซอยบัวขาว พัทยาใต้ ซึ่งเป็นห้องเช่ารายวัน กระทั่งวันที่ 22 พ.ย.ขณะตนเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายทุกข์ จู่ๆ เด็กได้คลอดออกมากะทันหันโดยที่ไม่มีอาการปวดท้อง แล้วไปหากรรไกรมาตัดสายรก ปรากฏว่าเด็กแข็งแรงดี ตนให้กินนมจะอยู่นาน 3 วัน จากนั้นข้ามวันที่ 25 พ.ย. จึงตัดสินใจนำลูกไปทิ้งเพราะคิดว่าคงมีคนเห็นแล้วนำลูกของตนไปเลี้ยง

น.ส.ปะไพ ให้การอีกว่า ปกติครอบครัวที่ประเทศลาวมีอาชีพทำไร่ทำนา โดยขณะที่ตนอายุ 2 ขวบ พ่อกับแม่ก็แยกทางกัน จึงอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยง ภรรยาใหม่ของพ่อ ด้วยความยากจนจึงดั้นด้นเดินทางมาหางานทำที่พัทยาและทำงานที่บาร์แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะไปรู้จักและคบหากับนายเจ ชาวญี่ปุ่น จนกระทั่งตั้งท้องและคลอดลูกออกมา และคิดว่าคงไม่มีปัญญาเลี้ยงจึงนำลูกในไส้ไปทิ้งดังกล่าว

เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว ท่ามกลางประชาชนในละแวกดังกล่าวที่ทราบข่าว ต่างพากันมามุงดูจำนวนหนึ่ง ซึ่งหลายคนบอกว่า รู้สึกสงสารเด็ก และไม่ทราบว่าจิตใจของคนเป็นแม่ทำด้วยอะไร อีกทั้งพอทราบว่าพ่อของเด็กเป็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น และไม่ทราบว่าอดีตแฟนสาวของตัวเองตั้งท้องและคลอดลูกออกมา ก็อยากให้นักธุรกิจคนนี้กลับมาเมืองไทยและนำลูกในไส้ของตัวเองไปเลี้ยงดู เด็กจะได้ไม่กำพร้า และมีโอกาสเติบโตใช้ชีวิตในสังคมอย่างเป็นปกติ


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน