จากกรณีนายเติร์ก ออกมาโพสต์เรื่องราวหลังถูกสาวชื่อหมวย อ้างว่าตัวเองชื่อฟ้า เป็นลูกครึ่งไต้หวัน ก่อนจะหลอกเอาเงินไป 5 แสนบาท จากนั้นสาวชื่อหมวย ก็ออกมาโต้ ไม่ได้หลอกเอาเงิน และบอกความจริงกับเติร์ก ไปตั้งแต่ช่วงแรก ก่อนจะแอบคบกันแบบลับๆ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. ที่ สน.ลาดพร้าว น.ส.หมวย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว พร้อมกับนำหลักฐานคลิปเสียงที่ น.สหมวย เจรจากับแม่ของ นายเติร์ก ซึ่งเป็นคลิปเสียงที่ นายเติร์ก ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากนี้ยังมีแชทบทสนทนาที่พูดคุยกันอีกด้วย

น.ส.หมวย กล่าวว่า ตนรู้จัก นายเติร์ก ผ่าน แอพพลิเคชั่น “สเกาท์” (skout) โดยในตอนแรก ตนยอมรับว่าใช้รูปนางแบบไต้หวันขึ้นเป็นรูปโปร์ไฟล์ และใช้ชื่อว่าฟ้า หลังจากที่คุยกันได้ 2 อาทิตย์ ตนก็ได้บอกความจริงว่า ตนและฟ้าคือบุคคลคนเดียวกัน แต่ นายเติร์ก ยืนยันว่าจะคุยต่อ ส่วนที่ไปอยู่หอพักด้วยกันนั้น หลัง นายเติร์ก ทราบว่าตนคือคนเดียวกับฟ้า นายเติร์ก ก็พาตนไปรู้จักกับครอบครัว และไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เมื่อมีคนถาม นายเติร์ก ว่าตนเป็นใคร นายเติร์ก มักจะแนะนำตนว่าเป็นเพียงน้องสาว ซึ่งตอนนั้นตนไม่ทราบสถานะที่ชัดเจน ก็พยายามถามถึงสถานะตลอด แต่ นายเติร์ก ก็ได้พยายามเลี่ยงที่จะตอบ แต่สิ่งที่ นายเติร์ก ปฏิบัติกับตนนั้น มันมากกว่าความเป็นพี่น้อง มีการดูแลเอาใจใส่กันโดยตลอด

น.ส.หมวย กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องเงินที่ นายเติร์ก บอกว่าตนไปหลอกไป 5 แสนบาทนั้น ขอชี้แจงว่ามันเป็นวิธีการขอเงินคืนจาก นายเติร์ก เพราะก่อนหน้านี้ นายเติร์ก ก็ได้ยืมเงินไปเช่นกัน ทุกครั้งที่ นายเติร์ก ยืมเงิน ตนจะกดเงินสดให้ตลอด จึงไม่มีหลักฐานที่จะเอามาแสดง ที่ผ่านมาเราทั้งคู่ต่างใช้เงินของกันและกัน ไม่ใช่ตนเป็นคนขอเงินอยู่ฝ่ายเดียว หากขอเงินคืนตนก็อยากจะบอกว่าเงิน 5 แสนของ นายเติร์ก ที่หายไป เราทั้งคู่ก็ต่างเอามาใช้ ส่วนเงินส่วนตัวของตนที่สามารถขายที่ดินได้ ประมาณ 6 แสน เราทั้งคู่ก็เอามาใช้ด้วยกัน

น.ส.หมวย กล่าวว่า ภายหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตนก็ได้กลับมามองว่า สาเหตุที่ นายเติร์ก ตัดสินใจมาคุยกับตน เป็นเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจ เนื่องจาก นายเติร์ก ก็ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับซื้อขายที่ดินเหมือนกับตน เพราะทุกครั้งที่ตนจะเดินทางไปซื้อขายที่ดิน นายเติร์ก มักจะถามเสมอว่า ที่ดินแปลงที่จะขายมีราคาเท่าไหร่ และหากขายจะได้เงินมากน้อยแค่ไหน

น.ส.หมวย กล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่าหากจะต้องมาเผชิญหน้ากันเพื่อที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด ตนก็พร้อม และจะยืนยันในความบริสุทธิ์ ตนจึงวอนขอให้สังคมอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจว่าตนเป็นผิด อยากให้สังคมมองทั้งสองฝ่าย หากจะมองว่าเรื่องนี้มีใครผิด ก็อยากจะบอกว่าผิดกันคนละครึ่ง ซึ่งตนยอมรับในความผิดที่โกหกตั้งแต่ตอนแรก โดยเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ถือว่าเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน